ผลเจรจาส่งเสริมการส่งออกสินค้าปศุสัตว์จากไทยไปจีนก้าวหน้า

สาธารณรัฐประชาชนจีน 4 ก.ค. – กรมปศุสัตว์ไทยเจรจากรมความปลอดภัยอาหารนำเข้าและส่งออกของจีน ร่วมส่งเสริมการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ระหว่างกัน อธิบดีกรมปศุสัตว์เผย การส่งออกเนื้อและชิ้นส่วนไก่แช่แข็งมาจีนเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดฝ่ายจีนแจ้งการอนุญาตขยายขอบข่ายชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดเพิ่มอีก 


นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ได้ร่วมกับนายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารกรมปศุสัตว์และผู้อำนวยการสำนักงานที่ปรึกษาด้านการเกษตร ประจำกรุงปักกิ่ง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชุมหารือกับ Mr. Wang Fuxiao รองอธิบดีกรมความปลอดภัยอาหารนำเข้าและส่งออก สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Bureau of Import and Export Food Safety, The General Administration of Customs of People’s Republic of China: GACC) และคณะผู้บริหาร ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ความร่วมมือ และส่งเสริมการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ระหว่างไทยและจีน

ล่าสุด GACC ได้แจ้งการอนุญาตขยายขอบข่ายชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดจากไทยส่งออกมาจีน ซึ่งกรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดส่งร่างพิธีสารฯ เสนอผ่านกระทรวงต่างประเทศ ตรวจสอบเนื้อหา ก่อนนำเสนอเข้าครม. รับทราบและมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามต่อไป


นอกจากนี้อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้หารือเกี่ยวกับระบบการขึ้นทะเบียนผู้ผลิตอาหารส่งออกไปยังจีน (China Import Food Enterprise Registration system: CIFER) เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังจีน สามารถปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนของ GACC ได้อย่างถูกต้องชัดเจน รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญจาก GACC มาฝึกอบรมและเสริมสร้างความเข้าใจในการใช้งานระบบ CIFER ที่ประเทศไทย ตลอดจนนำเสนอโครงการแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ และทางด้านเทคนิคระหว่างกรมปศุสัตว์และ GACC โดยการส่งเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ในระดับผู้ปฏิบัติงาน แลกเปลี่ยนกันไปศึกษาดูงาน ณ ด่านกักกันสัตว์ของฝ่ายไทยและฝ่ายจีน เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติของทั้ง 2 ฝ่าย โดยอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวขอบคุณ GACC ที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนส่งเสริมการค้าระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

ด้าน Mr. Wang Fuxiao รองอธิบดีกรมความปลอดภัยอาหารนำเข้าและส่งออกของสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) กล่าวขอบคุณกรมปศุสัตว์ไทย ที่ให้ความร่วมมือกำกับดูแลตรวจสอบสุขอนามัยการผลิตเนื้อและชิ้นส่วนรวมถึงผลพลอยได้สัตว์ปีกแช่แข็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามข้อกำหนดของพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน จนส่งผลให้การส่งออกเนื้อและชิ้นส่วนไก่แช่แข็งจากไทยมาจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี 20 โรงงานที่สามารถส่งออกมาจีนได้ โดยยอดการส่งออกเนื้อและชิ้นส่วนไก่แช่แข็งไปยังประเทศจีนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเกือบ 100% ในช่วง 5 เดือนแรก ของปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า เป็นผลงานที่สำคัญของทั้ง 2 ฝ่าย

ทั้งนี้ทาง GACC จะให้ความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ ในการเพิ่มช่องทางการประสานงานให้สะดวกรวดเร็วขึ้น เพื่อติดตามในส่วนของโรงงานที่ยังรอขึ้นทะเบียนรับรองสินค้าปศุสัตว์ส่งออกมาจีน จาก GACC อีกหลายแห่ง รวมถึงประเด็นโรงงานส่งออกไก่ที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว แต่ถูกชะลอการส่งออกชั่วคราวจำนวน 3 โรงงาน เพื่อจะได้สามารถกลับมาส่งออกใหม่ได้โดยเร็วต่อไป หากตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยและมีความถูกต้อง


นอกจากนี้ยังระบุว่า ความสัมพันธ์ของจีนและไทยที่ยาวนานนั้น เหมือนพี่น้องกัน สำหรับการฝึกอบรมเสริมสร้างความเข้าใจในการใช้งานระบบ CIFER ฝ่าย GACC ไม่ขัดข้อง พร้อมให้การสนับสนุนในเรื่องการฝึกอบรม รวมทั้งข้อเสนอโครงการแลกเปลี่ยนการศึกษาดูงานด่านกักกันสัตว์ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย ถือว่า เป็นเรื่องที่ดี ทาง GACC จะได้นำไปพิจารณาต่อไป

“กรมปศุสัตว์มั่นใจว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนจะเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยในด้านการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่มีโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศและการกำกับดูแลโดยกรมปศุสัตว์เพื่อให้กระบวนการผลิตถูกสุขลักษณะ ได้คุณภาพ และมาตรฐานตามระบบ GMP และ HACCP ตามมาตรฐานระดับโลก และด้วยความร่วมมือที่เข้มแข็งของภาครัฐและเอกชนไทยที่ต้องถือปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างเข้มงวด ภายใต้กรอบพิธีสารฯ ทั้งนี้ยังมีการส่งออกกลุ่มสินค้าปศุสัตว์อื่นๆ จากไทยไปจีน อาทิ น้ำผึ้ง รังนก และผลิตภัณฑ์นมอีกด้วย” อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]