สหกรณ์การเกษตรเมืองพล สนองนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” หนุนสมาชิกปลูกเมล่อนญี่ปุ่น

24 เม.ย. – สหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด จังหวัดขอนแก่น สนองนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” หนุนสมาชิกปลูก “เมล่อนญี่ปุ่น” สร้างรายได้ หลุดวงจรหนี้


ภายหลังที่นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้กำลังใจและแนะนำดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ แก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์และสมาชิก เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เต็มศักยภาพ ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมแปลงปลูกเมล่อนของนายสาธิต กระฉอกนอก สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ที่หมู่ 1 ตำบลหนองแวงโสกพระ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เพื่อดูความสำเร็จจากการดำเนินงานตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่มุ่งสนับสนุนให้สหกรณ์ส่งเสริมการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกสหกรณ์

นางสาวณัฐชา เลาหะวณิช รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ของนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในครั้งนี้ว่า เพื่อมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ในการติดตามงานโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และกองทุนพัฒนาสหกรณ์ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง


“ท่านอธิบดีได้เน้นย้ำว่าการพัฒนาแหล่งน้ำ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สุดในการทำเกษตร ถ้าตัวสมาชิกสหกรณ์มีแหล่งน้ำแล้ว ก็จะสามารถทำการเกษตรในสิ่งที่เขาอยากทำได้ และควรส่งเสริมให้ปลูกพืชที่หลากหลาย ทำเกษตรแบบผสมผสาน แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะจะเป็นทางรอดและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร ” นางสาวณัฐชาเผย และยอมรับว่าปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในจังหวัดขอนแก่นนั้น บางพื้นที่ก็มีปัญหาสภาพน้ำกร่อย ทำการเกษตรไม่ได้ เช่นพื้นที่อำเภอหนองสองห้อง อำเภอพล อำเภอแวงน้อย เป็นต้น ส่วนพื้นที่อื่นไม่มีปัญหา ใช้น้ำได้ตามปกติ โดยเกษตรกร ในจังหวัดขอนแก่นส่วนใหญ่ มีอาชีพทำนา ปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลัง

สำหรับสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด เป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่พิเศษ ปัจจุบันมีสมาชิก 7,097 คน ทุนดำเนินงานมากกว่า 661 ล้านบาท ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ซึ่งสหกรณ์ได้ดำเนินการส่งเสริมอาชีพให้สมาชิก ผ่านโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เช่น โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค – กระบือ และโครงการส่งเสริมอาชีพการปลูกเมล่อน ซึ่งอยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ ปัจจุบันมีสมาชิกส่วนหนึ่งที่ปลูกแล้วกำลังจะนำผลผลิตออกจำหน่าย ซึ่งสหกรณ์จะขยายผลสู่สมาชิกรายอื่น ๆ ต่อไป

นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้รับสนับสนุนงบประมาณในการสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อรวบรวมและจัดเก็บข้าวเปลือกคุณภาพ ปี 2561 จำนวน 2,988,580 บาท ได้แก่ ฉาง ลานตาก เครื่องชั่งพร้อมโรงคลุม เป็นต้น


“สหกรณ์แห่งนี้เพิ่งส่งเสริมอาชีพสมาชิกอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อก่อนปล่อยสินเชื่ออย่างเดียว เพราะเขาคิดว่าทำธุรกิจแค่ปล่อยสินเชื่ออย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร แล้วพอถึงจุด ๆ หนึ่งมันไปต่อไม่ได้ สมาชิกประสบปัญหาเรื่องรายได้ ไม่มีเงินชำระหนี้คืนสหกรณ์ กลายเป็นหนี้ค้าง สหกรณ์ก็เลยปรับบทบาทใหม่หันมามุ่งการส่งเสริมอาชีพแก่สมาชิก”

นางสาวณัฐชา เผยเมล่อนน่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์นี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลผลิตมีคุณภาพสูงและมีตลาดรองรับแน่นอน โดยเฉพาะตลาดไทขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามา 15,000 กิโลกรัม ขณะที่ผลผลิตยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ

“ตอนนี้สมาชิกเขาอยากได้โรงเรือนเพิ่ม ถ้าไม่มีจะปลูกช่วงหน้าฝนไม่ได้ วันนั้นท่านอธิบดีเข้าไปดูที่แปลงเมล่อนของเกษตรกร ก็พูดคุยกันในเรื่องนี้ด้วย จะช่วยทำโรงเรือนให้เขา เพื่อจะปลูกเมล่อนได้ตลอดทั้งปี ขณะนี้มีสมาชิกที่อยู่ใกล้เคียงหลายรายได้เห็นตัวอย่างก็ให้ความสนใจ บางรายเดิมเขาปลูกอินทผาลัมอยู่ก่อนแล้ว พอมาเห็นทางนี้ปลูกเมล่อน ก็สนใจ เพราะตลาดต้องการสูง ขณะที่ตัวสมาชิกเองก็มีที่ดินพร้อมอยู่แล้ว”

ขณะที่นายสาธิต กระฉอกนอก สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรสมาชิกสหกรณ์ที่ปลูกเมล่อน หลังเริ่มต้นทดลองปลูกมาได้ 1 ครอบ บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษจากพื้นที่ทั้งหมด 80 ไร่ ปรากฏว่าได้ผลเกินคาด ใช้ระยะเวลาปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยวประมาณ 85 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 15,000 กิโลกรัม ผลผลิตเกือบทั้งหมดส่งขายตลาดไท ราคาส่งกิโลกรัมละ 45 บาท ส่วนที่เหลือขายผ่านออนไลน์และวางขายหน้าสวน สามารถสร้างรายได้มากถึง 675,000 บาท เมื่อหักต้นทุนการผลิตแล้ว มีกำไรอยู่ที่ 454,000 บาท

“ตอนที่ท่านอธิบดีมาดู ผมก็เรียนท่านไปว่า อยากได้โรงเรือนเพิ่ม ท่านก็โอเคบอกอยากสนับสนุนเต็มที่ ท่านก็รับปากว่าจะให้ทางสหกรณ์ดำเนินการให้” นายสาธิตเผยถึงการสนทนากับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ระหว่างนำคณะลงพื้นที่เยี่ยมแปลงปลูกเมล่อน

นายสาธิตเผยต่อว่า ขนาดโรงเรือนที่ต้องการ กว้าง 9 เมตร ยาว 80 เมตร ค่าใช้จ่ายตกหลังละ 3 แสนบาท สามารถปลูกเมล่อนได้ 1,500 ต้น เบื้องต้นอยากได้ 3 โรงเรือน เพื่อจะได้กำหนดรอบการปลูกให้สามารถเก็บเกี่ยวได้เดือนละครั้ง แต่ตามแผนที่วางไว้อยากได้ 6 โรงเรือนเพื่อจะได้รอบการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 15 วันครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 1 แปลงบนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ(ไม่มีโรงเรือน) ใช้ต้นพันธุ์ปลูกประมาณ 15,000 ต้น

“ตอนนี้เมล่อนชุดแรกเก็บหมดแล้ว ต้นเดือนหน้าจะลงอีกชุดเป็นพันธุ์ญี่ปุ่น เนื้อมีสีเขียวและสีเหลือง ใช้เวลาปลูก ไม่เกิน 3 เดือน หน้าฝนสิ่งที่กังวลคือโรคและแมลง โดยเฉพาะโรคเชื้อรา แต่ถ้ามีโรงเรือนเราสามารถควบคุมอากาศ โรคและแมลงได้ ผมใช้กว้าง 9 เมตร ยาว 80 เมตรต่อหลัง ราคาตกหลังละ 3 แสนบาท 1 โรงใช้ต้นพันธุ์ 1,500 ต้น อยากได้ 3 โรงก่อน ถ้า 3 โรงเก็บได้ เดือนละครั้ง ถ้า 6 โรงเก็บ 15 วันครั้ง” สมาชิกสหกรณ์คนเดิมเผย

ด้านนายจำนงค์ บุญจันทร์ ผู้จัดการสหกรณ์สหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด กล่าวถึงการส่งเสริมอาชีพสมาชิก โดยผ่านโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์ได้สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่สมาชิกในหลากหลายโครงการ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการทำเกษตรผสมผสาน โครงการเลี้ยงโค-กระบือ โดยการพาสมาชิกไปอบรมให้ความรู้ และพาไปดูงานตามสถานที่ต่าง ๆ ล่าสุดสหกรณ์ก็ได้เตรียมเงินทุนไว้สำหรับสมาชิกที่สนใจปลูกเมล่อนไว้แล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังไปได้ดีและมีตลาดรองรับชัดเจน

“พืชตัวอื่นยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เมล่อนมีตลาดชัดเจน ก่อนปลูกเราดูตลาดเป็นหลัก สมาชิกส่วนใหญ่ทำนาทำไร่ รายไหนสนใจเราจะขยายผลต่อไป อย่างคุณสาธิต เขาเป็นสมาชิกสหกรณ์มานาน ปกติมีอาชีพทำนาปลูกข้าวหอมมะลิอยู่แล้วก็ลองมาทดลองปลูกเมล่อนดู ปรากฏว่าได้ผลดีก็อยากขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม อยากได้โรงเรือนปลูกเพิ่ม เขาก็มาปรึกษากับทางสหกรณ์ สมาชิกรายอื่นก็เช่นกันถ้าสนใจปลูกเมล่อนหรืออยากทำอาชีพเสริมรายได้ก็เข้ามาคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ได้ ส่วนเงินกู้อยู่ที่วัตถุประสงค์โครงการ ถ้าโครงการพิเศษอัตราดอกเบี้ยก็จะอยู่ที่ร้อยละ 3 หรือร้อยละ 7 ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของโครงการครับ” ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ย้ำทิ้งท้าย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]