งานพืชสวนก้าวหน้า ครั้งที่ 17 แจ้งข่าวดีเปลี่ยนใบรับรองGAP ครบ100%

จันทบุรี 8 ธ.ค. – รมช.”มนัญญา” เปิดงานงานพืชสวนก้าวหน้า ครั้งที่ 17 จ.จันทบุรี เผยกรมวิชาการเกษตรเปลี่ยนใบรับรอง GAP รูปแบบใหม่ ครบ 100% ทั่วประเทศแล้ว มั่นใจส่งออกผลไม้ไทยแสนล้านไม่สะดุด


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานพืชสวนก้าวหน้า ครั้งที่ 17 (Hortex 2022) & Fruitpital Innovation Fair 2020 มหานครผลไม้ ณ สำนักวิจัยพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) และศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ต.ตะปอน อ.ขลุง จ.จันทบุรี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 11 ธันวาคม 2565 โดยมี นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ นายกสมาคมทุเรียนไทย เกษตรกร ชาวสวนและผู้ประกอบการ เข้าร่วม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการเปลี่ยนใบรับรองแปลงการเกษตรที่ดี (GAP) เป็นรหัสรับรองรูปแบบใหม่ให้กับพืชทุกชนิดในระบบ GAP (รวมผลไม้ส่งออกไปจีน 13 ชนิด) ครบ 100% ทั่วประเทศแล้ว ซึ่งเสร็จเร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เกือบ 1 เดือน นอกจากนั้น ได้ให้นโยบายกับกรมวิชาการเกษตรให้ทำแผนปฏิบัติการกำกับและติดตามเพื่อรับมือผลไม้ฤดูการผลิตปี 66 ตลอดห่วงโซ่การผลิตทันทีเพื่อให้มีแนวปฏิบัติล่วงหน้า 6 เดือน ก่อนผลผลิตออกสู่ตลาด

“วันนี้ขอแจ้งข่าวดีให้กับพี่น้องเกษตรกรและผู้ส่งออกที่มีความกังวลเรื่องการรับรองแปลงรหัสใหม่ที่อาจไม่ทันฤดูกาลส่งออกผลไม้ ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรสามารถรับรองครบหมด 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว และจะส่งให้ทางศุลกากรจีนเพื่อรับทราบผลการดำเนินการทันที และในช่วงฤดูผลไม้ออกมาก ๆ กรมวิชาการเกษตรจะระดมเจ้าหน้าที่ช่วยในการตรวจพืชตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณผลไม้ที่ออกสู่ตลาด อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ตัดทุเรียนอ่อน หรือยินยอมให้มีการสวมสิทธิ์แปลง GAP เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร ได้กำชับเข้มข้นในเรื่องนี้และจะไม่ปล่อยผ่านเด็ดขาด เพื่อรักษาชื่อเสียงทุเรียนไทย ทั้งนี้ ได้นำเรียนผลความคืบหน้าการดำเนินงาน ให้กับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีฯ รับทราบต่อเนื่องด้วยแล้ว และในปีหน้ากระทรวงเกษตรฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาคุณภาพผลไม้เพื่อเพิ่มยอดส่งออกให้ได้มากกว่า 1.5 แสนล้านบาท” รมช.มนัญญา กล่าว


นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า พืชทุกชนิดในระบบที่ได้รับรอง GAP มี 299,076 แปลง จำนวนเกษตรกร 185,808 ราย พื้นที่รวม 1,860,454.31 ไร่ ได้เปลี่ยนใบรับรอง GAP เป็นรหัสรับรองรูปแบบใหม่ครบ 100% แล้ว โดยในจำนวนนี้ 62% เป็นใบรับรอง GAP ของผลไม้ที่ส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนให้กับประเทศจีนแล้ว 13 ชนิด (มะม่วง ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ชมพู่ มะพร้าว กล้วย สับปะรด ขนุน เงาะ ส้มโอ และ มะขาม) ที่มีจำนวนแปลง GAP ทั้งหมด 185,803 แปลง จำนวนเกษตรกร 167,027 ราย พื้นที่รวม 1,566,420 ไร่ ซึ่งการปรับรหัสใหม่นี้ นอกจากจะใช้ประกอบการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีนแล้ว ยังสามารถใช้กับการส่งออกกับทุกประเทศทั่วโลก และกรมวิชาการเกษตรขอยืนยันว่า แปลงพืชเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐาน GAP (มกษ. 9001) ซึ่งเท่าเทียมกับASEAN GAP ที่ได้รับการยอมรับจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก 

สำหรับใบรับรอง GAP รูปแบบใหม่พืชที่ส่งออกไปจีน กรมวิชาการเกษตร ได้ประสานสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) เพื่อจัดส่งเลขทะเบียนแปลง GAP รหัสใหม่ รวมถึงการขึ้นทะเบียนแปลงและโรงคัดบรรจุที่ส่งออกไปจีน ให้สำนักงานศุลการกรจีน อัพเดทข้อมูลรหัส GAP ใหม่ดังกล่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงเวียนข้อมูลให้กับด่านนำเข้าต่าง ๆ ภายในประเทศจีนเพื่อรองรับฤดูกาลส่งออกผลไม้ใหม่ให้ทันตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียนและลำไยที่จะเริ่มมีผลผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า อีกทั้ง กรมวิชาการเกษตรได้ประสานกับอัครราชทูตการเกษตรไทย ประจำกรุงปักกิ่ง เพื่อให้ช่วยติดตามเรื่องนี้กับฝ่ายจีนอย่างใกล้ชิด นำไปสู่การส่งออกผลไม้ไทยคุณภาพที่ราบรื่นสร้างรายได้ทะลุแสนล้านต่อเนื่อง ซึ่งใบรับรอง GAP รูปแบบใหม่นี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งผลิต โดยจะระบุรหัสหน่วยรับรอง รหัสมาตรฐานการผลิต รหัสผู้ได้รับการรับรอง และมีรหัสจังหวัด รหัสชนิดขอบข่ายเพิ่มขึ้นมา ทำให้การตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นไปตามข้อกำหนดใน พรบ. มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ตามประกาศสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สร้างความมั่นใจให้ประเทศคู่ค้าที่ต้องการนำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพความปลอดภัย และตรวจสอบที่มาแหล่งผลิตได้ เสริมสร้างการส่งออกให้เป็นไปอย่างยั่งยืน มุ่งเป้า ผลไม้ไทย ผลไม้คุณภาพของโลก

นอกจากนี้ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 กรมวิชาการเกษตรเตรียมจัดงานสัมมนา “ทุเรียนไทย ทุเรียนคุณภาพ” (Premium Thai Durian) โดยมี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย อธิบดีกรมวิชาการเกษตร โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 250 คน ได้แก่ ผู้ประกอบการส่งออก ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ และตัวแทนผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไปจีน เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนสดของไทยเข้าใจในการผลักดันนโยบาย ทุเรียนไทย ทุเรียนคุณภาพ (Premium Thai Durian) และได้รับความรู้ความเข้าใจ สามารถแสดงข้อมูลประกอบการยื่นคำขอใบรับรองสุขอนามัยพืชได้อย่างถูกต้อง เข้าใจในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ และรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกทุเรียนทั้งระบบ  


ทั้งนี้ สถิติการส่งออกผลไม้ไทยที่ได้รับใบรับรองสุขอนามัยพืชไปจีน จากกรมวิชาการเกษตร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – พฤศจิกายน 2565 ไทยส่งออกผลไม้ไทยไปจีนรวม 87,730 ชิปเม้นท์ จำนวน 1,628,943.70 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 116,978 ล้านบาท เป็นทุเรียนเกือบ 100,000 ล้านบาท  ซึ่งปี 2564 การส่งออกทุเรียนสดไปจีนจำนวน 875,097 ตัน คิดเป็นมูลค่า 109,205 ล้านบาท ขยายตัว 68.4% 

สำหรับงานพืชสวนก้าวหน้า ครั้งที่ 17 จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน วัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอวิทยาการความรู้ และข้อมูลใหม่ ๆ ในวงการพืชสวน ภายในงานมีการจัดนิทรรศการทางวิชาการ การประชุมสัมมนาการแสดงสาธิตเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางด้านการเกษตร การใช้เครื่องจักรกลการเกษตร และนวัตกรรมที่ทันสมัยในการทำสวนทุเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การลดต้นทุนในการผลิต รวมทั้งมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการรับสมัครขึ้นทะเบียน GAP.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย