กรุงเทพฯ 8 ต.ค.- อธิบดีกรมชลประทาน สั่งเร่งระบายน้ำในลำน้ำมูลลงสู่ลำน้ำโขง ใช้ช่วงที่ระดับน้ำลำน้ำโขงลดต่ำลง เพื่อรองรับน้ำจากลำน้ำชีที่จะไหลมาบรรจบ หลังจากเขื่อนอุบลรัตน์ปรับเพิ่มการระบาย
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำมูลมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ทั้งปริมาณและระดับน้ำจะยังคงเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มค่อยๆ ลดลงตามลำดับตลอดทั้งสาย ยกเว้นที่จังหวัดอุบลราชธานี วานนี้มีฝนตกหนัก ทำให้เช้านี้ระดับน้ำที่สถานีวัด M.7 ในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานีสูงขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตร ใกล้เคียงกับเมื่อวาน
ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ระดับ 116.37 เมตร รทก. สูงกว่าระดับตลิ่งซึ่งอยู่ที่ 112 เมตร รทก. ส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านยังคงมากถึง 5,600 ลบ.ม./วินาที จากความจุลำน้ำ 2,300 ลบ.ม./วินาที ขณะที่การระบายน้ำลำน้ำมูลออกสู่แม่น้ำโขง สามารถระบายได้ดี เนื่องจากปริมาณน้ำแม่น้ำโขงลดลง โดยระบายในอัตรา 7,000 ลบ.ม./วินาที หรือวันละ 605 ล้าน ลบ.ม. จึงเน้นย้ำให้อาศัยจังหวะนี้เร่งระบายน้ำมูลออกสู่แม่น้ำโขงเพื่อรองรับน้ำที่จะระบายจากเขื่อนอุบลรัตน์ซึ่งจะไหลจากลำน้ำพองลงสู่ลำน้ำชี แล้วมาบรรจบกับลำน้ำมูลตามลำดับ โดยน้ำที่ระบายเพิ่มจากเขื่อนอุบลรัตน์มีเวลาเดินทาง 15-20 วันที่จะมาถึงจังหวัดอุบลราชธานี หากสามารถระบายน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันออกได้ จะช่วยลดผลกระทบได้มาก
นายประพิศกล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานชลประทานที่ 7 ซึ่งได้ร่วมกับสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยาตรวจวัดความเร็วของน้ำบริเวณแก่งสะพือ สะพานพิบูลมังสาหาร อ. พิบูลมังสาหารพบว่า บริเวณกลางลำน้ำมีอัตราการไหลสูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เครื่องผลักดันน้ำปรากฏว่า ไม่ใช้เครื่องผลักดันน้ำเร็วกว่า จึงจะถอดเครื่องผลักดันน้ำบริเวณกลางแม่น้ำออก 30 เครื่อง แล้วคงไว้ 100 เครื่องบริเวณตลิ่งทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนที่สะพานโขงเจียม อ. โขงเจียมซึ่งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 90 เครื่องจะถอดออกเช่นกัน เนื่องจากน้ำไหลได้เร็วแล้ว หากติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำไว้กลับจะชะลอความเร็วของการไหล
อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ออกทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำว่า เครื่องผลักดันน้ำที่ถอดออกมาต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากแม่น้ำโขงหนุนสูงจะนำกลับมาติดตั้งโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย
