กรุงเทพฯ 27 ก.ย.- ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ คาดไต้ฝุ่นโนรู เมื่อเคลื่อนเข้าไทยจะยังเป็นพายุโซนร้อนก่อนอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำ จากนั้นจะสลายตัวในประเทศไทย ย้ำต้องเฝ้าระวังทั้งอุทกภัยและวาตภัย
ดร. สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือสสน. กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่น“โนรู” ซึ่งอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงขึ้น โดยความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางเพิ่มจาก 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงเป็น 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ล่าสุดศูนย์ความร่วมมือเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning : JTWC) คาดการณ์ว่า อาจเพิ่มเป็น 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงเนื่องจากได้รับพลังงานจากทะเลที่มีสภาพอุ่น
จากการประมวลผลด้วยแบบจำลองพบว่า พายุไต้ฝุ่น “โนรู” จะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามหลังเที่ยงคืนของวันที่ 27 ก.ย. แต่ก่อนรุ่งเช้า 28 ก.ย. แล้วอ่อนกำลังลงเป็นพายุ “โซนร้อน” ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางลดลงหลือ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากนั้นเคลื่อนผ่านลาว แล้วเข้าสู่ไทยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างคืนวันที่ 28-29 ก.ย. โดยคาดว่า ยังเป็นพายุโซนร้อน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 74 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับพื้นที่ที่พายุ “โนรู” จะเข้าสู่ไทยคือ ตอนบนของจ. อุบลราชธานี มีทิศทางเคลื่อนที่ผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง มาสู่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง โดยคาดว่า จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ก่อนสลายไปในประเทศไทยในวันที่ 30 ก.ย.
ดร. สุทัศน์กล่าวว่า อิทธิพลของพายุ “โนรู” จะทำให้มีฝนตกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่คืนนี้ (27 ก.ย.) จากการปะทะของลมจึงขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและเตรียมรับสถานการณ์ล่วงหน้า เมื่อพายุเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะทำให้มีฝนตกหนักด้านล่างของแนวพายุ ส่วนด้านบน ฝนน้อยกว่า แต่จะมีลมแรงเนื่องจากมีอากาศแห้งมาปะทะ ลุ่มน้ำที่จะมีฝนตกเพิ่มได้แก่ ชี-มูล โขงตอนบน (อุดรธานีและเลย) เจ้าพระยา ป่าสัก และลุ่มน้ำในภาคตะวันออกตามแนวเขาใหญ่ ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังทั้งอุทกภัยและวาตภัยที่เกิดจากอิทธิพลของพายุลูกนี้ไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย