อุบลราชธานี 7 ก.ย. – “เลขาฯ สทนช.” ตรวจสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำชี-มูล ประเมินยังคุมสถานการณ์ได้ แต่ต้องจับตาฝนที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เตรียมเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าพรุ่งนี้ ระดมสรรพกำลัง เครื่องจักร เครื่องมือ เร่งระบายน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำระบายลงน้ำโขง ควบคู่เก็บน้ำเข้าพื้นที่แก้มลิงใช้ช่วงแล้ง หวังป้องกันวิกฤติน้ำท่วมอีสาน ย้ำการเตือนภัยล่วงหน้าลดผลกระทบประชาชน
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสภาพลำน้ำชี ลำน้ำมูล และสภาพพื้นที่ลุ่มต่ำบางจุดที่พบว่ามีน้ำหลากเข้ากระทบพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ และบางพื้นที่ของ จ.ศรีสะเกษ ที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมากและไหลช้า จากนั้นประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้มอบหมายให้ สทนช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อซักซ้อมหน่วยงานในการเร่งปฏิบัติการตาม 13 มาตรการให้เข้มข้น ซึ่งหลายพื้นที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมากจากฝนที่ตกหนักในช่วงนี้และในระยะต่อไป ทั้งนี้ จากการขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจลำน้ำชีและลำน้ำมูล พบว่าในลำน้ำชีมีปริมาณน้ำที่ลดลง แต่ในลำน้ำมูลมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ตั้งแต่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันบริหารจัดการน้ำเพื่อให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังลงน้ำโขงโดยเร็ว แต่ขณะเดียวกันต้องเก็บกักน้ำเข้าพื้นที่แก้มลิงเพื่อใช้ในช่วงแล้งด้วย
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณฝนรวมกับสถานการณ์น้ำในลำน้ำชี-มูล คาดว่าวันที่ 10 ก.ย.นี้ ระดับน้ำที่สถานี M.7 จ.อุบลราชธานี จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 111.97 เมตร รทก. จากระดับตลิ่งรองรับได้ 112 เมตร รทก. ซึ่งต่ำกว่าระดับตลิ่งประมาณ 3 ซม. ประกอบกับสถานการณ์น้ำโขงยกตัวสูงขึ้นจากวานนี้ (6 ก.ย.65) ถึง 53 เซนติเมตร ทำให้การระบายน้ำขณะนี้ทำได้ค่อนข้างยาก แต่คาดว่าหลังจากวันที่ 10 ก.ย.นี้ ระดับน้ำโขงจะเริ่มลดลง ทำให้การระบายได้เร็วขึ้น ซึ่งกรมชลประทาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และเร่งระบายลงแม่น้ำโขงต่อไป ขณะที่จุดคันกั้นน้ำต่างๆ ได้มีการสำรวจความมั่นคงแข็งแรงพร้อมรับสถานการณ์แล้ว ส่วนที่เป็นพื้นที่จุดฟันหลอ กรมชลประทาน ร่วมกับเทศบาล และ ปภ. จัดเตรียมกระสอบทรายเพื่อป้องกันเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ อ.วารินชำราบ ที่เมื่อระดับน้ำที่ M.7 สูงขึ้นจะได้รับผลกระทบก่อน
ดังนั้น จากการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-น้ำมูลปัจจุบัน และเป็นการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.65) จะมีการเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สำนักชลประทานที่ 7 จ.อุบลราชธานี อย่างเป็นทางการ ตามที่ กอนช. ให้ความเห็นชอบ โครงสร้างและรูปแบบการดำเนินการของศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยแบ่งภารกิจหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ส่วนอำนวยการ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประเมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนภัย พร้อมทั้งรายงานและเสนอความเห็นต่อผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า 2.ส่วนปฏิบัติการ/เผชิญเหตุ เพื่อประสานงานและบูรณาการข้อมูลในการเตรียมความพร้อมทั้งสรรพกำลัง เครื่องมืออุปกรณ์ แผนปฏิบัติการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย และ 3.ส่วนสนับสนุน การปฏิบัติงานทั้งด้านการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร การแจ้งเตือนและระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปัญหาอุทกภัย ซึ่งการปฏิบัติการศูนย์อำนวยการฯ ส่วนหน้า จะดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนนี้.-สำนักข่าวไทย