กรุงเทพฯ 3 ก.ย.- อธิบดีกรมชลประทาน ระบุปรับลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เนื่องจากน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาน้อยลง ย้ำให้รักษาระดับน้ำหน้าเขื่อนที่ลดลงจากการพร่องน้ำไว้ เพื่อรองรับน้ำจากฝนที่จะตกลงมาเพิ่มตามการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น 5-9 ก.ย.นี้
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ลงจาก 1,800 ลบ.ม./วินาที เหลืออยู่ในอัตราระหว่าง 1,650-1,750 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาลดลง โดยตรวจวัดที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,718 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3.97 เมตร แนวโน้มทรงตัวและลดลงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ กรมชลประทานเพิ่มอัตราการระบายเพื่อพร่องน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาให้มีพื้นที่รองรับน้ำเหนือ ซึ่งปรากฏว่า ระดับน้ำหน้าเขื่อนลดลงตามแผนที่กำหนดไว้ จึงย้ำสำนักงานชลประทานที่ 12 ให้รักษาไว้ที่ระดับ 15.00 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เนื่องจากอาจมีน้ำเหนือไหลลงมาเพิ่มอีกครั้ง ตามการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่า ในช่วงวันที่ 5-9 กันยายนนี้ ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาออกทะเล กับสภาพน้ำฝน-น้ำท่า รวมถึงลดผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรด้านท้ายเขื่อน เนื่องจากข้าวนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่หากมีน้ำเหนือลงมาเพิ่ม อาจจำเป็นต้องปรับการระบายขึ้นในอัตราไม่เกิน 1,800 ลบ.ม./วินาที พร้อมขอให้ประชาชนติดตาม รวมถึงเฝ้าระวังสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน.-สำนักข่าวไทย