กรุงเทพฯ 24 ส.ค. – สศก. ขยายผลการทำฐานข้อมูล Big data ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปสู่สินค้าเกษตรอัตลักษณ์หรือ GI ใช้มะม่วงน้ำดอกไม้สระแก้วเป็นต้นแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานส่งออกและสนับสนุนเกษตรกรเข้าสู่แพลตฟอร์ม E-Commerce รวมถึงการลดต้นทุนด้วยนวัตกรรม “แอร์บัส” ที่จะช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 25%
นางศศิญา ปานตั้น ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กำลังเตรียมส่งเสริมการพัฒนามะม่วงน้ำดอกไม้ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ (GI) ของจังหวัดสระแก้ว ด้วยการจัดทำฐานข้อมูลการผลิต การตลาด Big data และส่งเสริมด้านการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้อัตลักษณ์ฉลาก GI การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สนับสนุนห้องเย็นเพื่อใช้ในกลุ่มเกษตรกรในการรวบรวมผลผลิต และห้องบ่มมะม่วงที่ใช้เทคโนโลยีการบ่ม พัฒนาคุณภาพการผลิตตามมาตรฐานส่งออกและสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับ ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตและสร้างมูลค่า สนับสนุนเกษตรกรเข้าสู่แพลตฟอร์ม E-Commerce รวมถึงไลฟ์สด Live-Streaming มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร กรณีราคาตกต่ำผ่าน Fruit Board และการพัฒนาแบบ BCG Value Chain
ทั้งนี้เป็นการดำเนินการควบคู่กับการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้แก่เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่และวิสาหกิจชุมชนมะม่วงน้ำดอกไม้ 30 ราย โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม “แอร์บัส” (Air blast) สำหรับฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลง ฮอร์โมน และสารเร่งที่มีความจำเป็นต่อพืช ส่งผลให้ประหยัดเวลา ทำงานได้รวดเร็ว สะดวก ง่ายต่อเกษตรกรในการใช้งาน เกษตรกรสามารถลดต้นทุนและมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยต้นทุนการผลิตของเกษตรที่ใช้แอร์บัส มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 17,810 บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 33,760 บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 15,950 บาท/ไร่/ปี ขณะที่เกษตรกรที่ใช้เครื่องฉีดยาแบบปั๊มถัง (แบบเดิม) จะมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 21,378 บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 33,505บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 12,127 บาท/ไร่/ปี เกษตรกรที่ใช้ แอร์บัส มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่าเกษตรกรที่ใช้แบบปั๊มถัง 3,568 บาท/ไร่/ปี และมีผลตอบแทนสุทธิสูงกว่า 3,823 บาท/ไร่/ปี หรือเกือบร้อยละ 25
สำหรับ “มะม่วงน้ำดอกไม้” เป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ของจังหวัดสระแก้วและเป็นสินค้าที่มีศักยภาพด้านการแข่งขันทางการตลาด ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อปี 2561 จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ น้ำดอกไม้เบอร์ 4 และน้ำดอกไม้สีทอง มีค่าความหวานไม่น้อยกว่า 16 องศาบริกซ์ มีเนื้อที่เพาะปลูกรวม 3,424 ไร่ ตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม และฮ่องกง
ผลศึกษาดังกล่าว สศท.6 จะเผยแพร่ในเดือนตุลาคมนี้ ทางเว็บไซต์สำนักงานเศรษฐกิจการที่ 6 http://www.zone6.oae.go.th หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันทางการตลาด ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนาเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ที่มีความชัดเจนของจังหวัดต่อไป ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.6 โทร. 03 835 1398 หรืออีเมล zone6@oae.go.th.-สำนักข่าวไทย