ดัชนี SMESI ต.ค.67 ฟื้นตัวแตะระดับ 52.2 กลับสู่ระดับความเชื่อมั่นในรอบ 3 เดือน

ดัชนี SMESI

9 ธ.ค. – ดัชนี SMESI ต.ค.67 ฟื้นตัวแตะระดับ 52.2 กลับสู่ระดับความเชื่อมั่นในรอบ 3 เดือน ด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ส่งผลให้ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกและการท่องเที่ยวแต่ละภูมิภาค เติบโตอย่างชัดเจน SME คาดการณ์กำลังซื้อจะพุ่งสู่งขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังขอให้ภาครัฐช่วยดูแลต้นทุนและเพิ่มศักยภาพแข่งขัน


นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รักษาการ ผอ.สสว. เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ว่า ดัชนี SMESI ประจำเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 52.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.6 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจนและกลับสู่ระดับความเชื่อมั่นอีกครั้ง หลังจากชะลอลงต่ำกว่าระดับความเชื่อมั่นต่อเนื่อง 3 เดือน

ทั้งนี้มาจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรก ที่มีผลตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลดีกับกลุ่มธุรกิจการค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค และเห็นแนวโน้มการใช้จ่ายในกลุ่มสินทรัพย์คงทน เช่น รถจักรยานยนต์ เครื่องจักร อุปกรณ์ทางการเกษตร เป็นต้น บางกลุ่มมากขึ้น นอกจากนี้ หลายพื้นที่ยังได้รับผลบวกจากกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงงานเทศกาลบุญและประเพณีประจำปี ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงสั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี


เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า องค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต/การค้า/บริการ ต้นทุน (ต่อหน่วย) กำไร และการจ้างงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 59.3, 56.2, 41.5, 55.5 และ 50.4 จากระดับ 54.9, 52.7, 39.4, 49.8 และ 49.9 ในขณะที่องค์ประกอบด้านการลงทุนโดยรวม ปรับตัวจากระดับ 51.1 ของเดือนก่อนหน้า ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.4 แสดงให้เห็นถึงความกังวลของผู้ประกอบการที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ จึงยังไม่เชื่อมั่นในการลงทุนมากนักแม้เริ่มมีสัญญาณบวกในองค์ประกอบอื่น ๆ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME รายสาขาธุรกิจ ประจำเดือนตุลาคม 2567 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า ภาพรวมทุกภาคธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 52.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 50.7 ซึ่งในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น จากการขยายตัวของกำลังซื้อในกลุ่มสินค้าคงทนเป็นสำคัญ ทั้งสินค้าในกลุ่มอัญมณี เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์

รวมถึงกลุ่มการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและความงาม ผลจากอานิสงส์ของมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐฯ ภาคการค้า อยู่ที่ระดับ 52.1 ปรับตัวดีขึ้นมาจากระดับ 49.7 สาเหตุจากกลุ่มการค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผู้บริโภคเร่งการจับจ่ายใช้สอยปริมาณมากในครั้งเดียวเพิ่มขึ้นชัดเจน สะท้อนการกักตุนสินค้าของกลุ่มผู้ได้รับมาตรการกระตุ้นฯ รวมถึงบางส่วนยังมีการรวมเงินกันเพื่อซื้อสินค้าคงทนในกลุ่มจักรยานยนต์ ทั้งมือ 1 และมือ 2 ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 51.7 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 48.5 เป็นผลจากกิจกรรมการท่องเที่ยวในช่วงต้นฤดูกาลท่องเที่ยว ทั้งพื้นที่ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคเหนือ ส่งผลดีต่อเนื่องในกลุ่มบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการผ่อนคลาย สันทนาการ รวมถึงกลุ่มบริการนวดและสปา ภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 54.9 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.3 โดยภาคธุรกิจการเกษตรปรับตัวดีขึ้น จากช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในหลายพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ภาคเหนือยังเผชิญกับผลผลิตที่เสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นช่วงก่อนหน้านี้


ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME รายภูมิภาค พบว่า ทุกภูมิภาคปรับตัวดีขึ้น และกลับเข้าสู่ระดับความเชื่อมั่นจากแรงหนุนของมาตรการรัฐ และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว

โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 54.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.7 ภาคเศรษฐกิจขยายตัวชัดเจน จากแรงหนุนของการแจกเงิน 10,000 บาท ส่งผลให้เกิดการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคต่อครั้งในปริมาณมากจากกลุ่มร้านค้าส่ง รวมถึงการขยายตัวในกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องประดับ และสินค้าและบริการเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ

ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 50.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 47.1 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจในพื้นที่มีแนวโน้มดีขึ้นและกลับเข้าสู่ระดับความเชื่อมั่นอีกครั้ง จากการขยายตัวของกำลังซื้อที่เร่งตัวสูงขึ้น ทั้งจากมาตรการกระตุ้นของรัฐ และจากกำลังซื้อของภาคธุรกิจการเกษตรในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ยังเห็นการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลบุญกฐิน

ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 51.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 48.5 ของเดือนก่อนหน้า เศรษฐกิจในพื้นที่เริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของอุทกภัยที่ยาวนานกว่า 2 เดือน ด้วยแรงหนุนของกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวได้ ในขณะที่ภาคการก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้รับผลดีจากการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่เสียหาย จากมาตรการเยียวยาผลกระทบของอุทกภัยในขณะที่สินค้าเกษตรในหลายพื้นที่เผชิญกับปัญหาผลผลิตเสียหาย

ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 51.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 48.2 ของเดือนก่อนหน้า โดยภาคธุรกิจในพื้นที่เริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งจากแรงหนุนของกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเป็นสำคัญ เนื่องจากประเทศต้นทางเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ในขณะที่การจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่ได้แรงผลักดันบางส่วนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งเห็นการรวมเงินก้อนเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และมือสองเพิ่มขึ้นชัดเจน

ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 53.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.5 มีสาเหตุมาจากกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงในช่วงต้นเดือนยังได้รับแรงหนุนจากเทศกาลสารทเดือนสิบ ที่กระตุ้นให้ผู้คนในพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับสวัสดิการรัฐฯ มาจับจ่ายใช้สอย

เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 51.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.2 โดยภาคธุรกิจขยายตัวเล็กน้อย จากมาตรการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลดีกับร้านค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น กิจกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่ยังมาจากรูปแบบการใช้บริการระยะสั้นเพื่อรอเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นเป็นหลัก

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 54.5 ปรับตัวดีขึ้น ตามความคาดหวังการพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องของกำลังซื้อจากปัจจัยชั่วคราว อาทิ การกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ และแรงส่งของช่วง High season โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ SME ยังคงไม่แสดงแนวโน้มที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แล้วก็ตาม อาจเนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

ในด้านการให้ความช่วยเหลือที่ผู้ประกอบการ SME ต้องการอย่างเร่งด่วน คือต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเยียวยาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และหามาตรการป้องกันในระยะยาว รวมไปถึงด้านการควบคุมราคาสินค้า/วัตถุดิบซึ่งกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน เช่น โครงการเงินดิจิทัลควรมีการเร่งดำเนินการพิจารณากลุ่มผู้มีสิทธิได้รับเงินกลุ่มอื่น ๆ เพิ่มเติม หรือมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายช่วงเทศกาลส่งท้ายปี นอกจากนี้ การส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดหรือการต่อสู้กับคู่แข่งในระดับสากล เช่น การส่งเสริมทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขาหรือการเพิ่มทักษะแรงงาน การส่งเสริมการเปิดตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ซึ่ง สสว. มีบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SME จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ผ่าน https://coach.sme.go.th/ หรือ Application ‘SME Connext’ ที่รวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ หรือสามารถสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจรซึ่งตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่ สสว. Call Center โทร. 1301 .-116 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

แจ้งความผู้ว่าสตง.

2 พิธีกรดังเข้าแจ้งความกล่าวโทษผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.ถล่ม

สองพิธีกรชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษ ผู้ว่าฯ สตง. และอดีตผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ มองอาจไม่ชอบมาพากล หวั่นเวลาผ่านไปเอาผิดใครไม่ได้

ข่าวแนะนำ

Trump uses AI generated himself as Pope

วิจารณ์ยับ “ทรัมป์” โพสต์ภาพเอไอเป็นโป๊ป

เวสต์ปาล์มบีช 4 พ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โพสต์ภาพที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) เป็นภาพเขาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาหรือโป๊ป จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกอินเทอร์เน็ต นายทรัมป์ วัย 78 ปี ไม่ใช่คริสตชนคาทอลิกและไม่ได้เข้าโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ เขาโพสต์ภาพดังกล่าวลงในบัญชีทรูธโซเชียล ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อค่ำวันที่ 2 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นได้โพสต์ซ้ำหรือรีโพสต์ในบัญชีเอ็กซ์ หลังจากที่เขาได้ไปร่วมพิธีปลงพระศพโป๊ปฟรังซิสที่สำนักวาติกันได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ขณะที่ทำเนียบขาวก็รีโพสต์ภาพดังกล่าวในบัญชีเอ็กซ์เช่นกัน ภาพที่สร้างขึ้นจากเอไอเป็นภาพทรัมป์หน้านิ่ง สวมชุดโป๊ปสีขาว นั่งบนเก้าอี้ และชูนิ้วชี้ข้างขวา โฆษกสำนักวาติกันไม่แสดงความเห็นใด ๆ ขณะที่คนในโลกอินเทอร์เน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมถึงกลุ่มสมาชิกพรรครีพับลิกันต่อต้านทรัมป์ที่ระบุว่า เป็นการดูหมิ่นชาวคาทอลิกอย่างร้ายแรง และล้อเลียนความศรัทธาของพวกเขา ขณะที่นายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีโพสต์เอ็กซ์ว่า เป็นภาพที่ดูหมิ่นผู้ศรัทธาและสถาบัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้นำโลกผู้นี้สนุกกับการเป็นตัวตลก ในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกันเสี่ยงถดถอยและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคารผู้นำสหรัฐเพิ่งกล่าวติดตลกว่า ต้องการเป็นตัวเลือกลำดับแรกในการเลือกโป๊ปองค์ใหม่ ก่อนกล่าวว่า พระคาร์ดินัลทิโมธี โดแลน อาร์ชบิชอป หรืออัครมุขนายกแห่งนิวยอร์ เป็นตัวเลือกที่ดีมากรูปหนึ่ง รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า พระคาร์ดินัลโดแลนไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้มีโอกาสได้รับเลือก แต่พระคาร์ดินัลโจเซฟ โทบิน อาร์ชบิชอปแห่งนวร์ก […]

กรมอุตุฯ เตือนภาคใต้รับมือฝนถล่ม-ไทยตอนบนอากาศร้อน

กรมอุตุฯ เตือนภาคใต้รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนไทยตอนบนอากาศร้อน ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง