อานิสงส์ กองทุนพัฒนาสหกรณ์ สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ เสริมแกร่งสมาชิกสหกรณ์

26 มิ.ย. – อานิสงส์ “กองทุนพัฒนาสหกรณ์” สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ เสริมแกร่งสมาชิกสหกรณ์กรป.กลาง นพค.บุรีรัมย์


“เหมือนได้ชีวิตใหม่” คำกล่าวสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความของ “กนกวรรณ มาประจวบ” เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตร กปร.กลาง นพค.บุรีรัมย์ จำกัด แห่งบ้านโคกใหญ่ ม.5 ต.ตาเป็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ อดีตสาวโรงงานย่านชานเมืองกลับสู่บ้านเกิดที่จ.บุรีรัมย์ เมื่อ 4 ปีที่ก่อน โดยยึดอาชีพทำนา ปลูกผัก เลี้ยงปลา ตามประสาชาวบ้านหาเลี้ยงครอบครัวไปวัน ๆ

กระทั่งมีโอกาสเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตร กปร.กลาง นพค.บุรีรัมย์ พร้อมการให้คำแนะนำที่ดีจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ทำให้เริ่มมีความหวังทั้งเรื่องอาชีพที่หลากหลายและมีรายได้เพิ่ม รวมถึงด้านการตลาดและการเข้าถึงแหล่งทุน โดยเริ่มจากขอกู้เงินจากโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นา


โครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรเงินกู้ให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร นำไปปล่อยกู้แก่สมาชิกแบบปลอดดอกเบี้ย กนกวรรณจึงขอกู้มาพัฒนาระบบน้ำในผืนที่นาบนเนื้อที่ 3 ไร่ เพื่อให้สามารถ ปลูกผัก เลี้ยงปลาได้ ไม่ใช่แค่ทำนาอย่างเดียว

“มีที่ทั้งหมด 9 ไร่ ทำนาอย่างเดียว ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ปีละครั้ง หลังเก็บเกี่ยวก็ปล่อยว่างก็ไม่ได้ใช้ทำอะไร ปัญหาก็คือน้ำไม่มี ปลูกอะไรก็ไม่ได้ หลังเข้าไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ เขาก็บอกว่ามีกองทุนให้สมาชิกกู้ยืมในโครงการสร้างระบบน้ำในไร่นา เราก็กู้มา 5 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำระบบน้ำในแปลงปลูกพืชผักพื้นบ้านต่าง ๆ เช่น หอม ผักชี บวกหอม บวบงู ส่วนในบ่อก็เลี้ยงปลานิล โดยใช้เนื้อที่ 3 ไร่ เพื่อเป็นการทดลองก่อน ส่วนอีก 6 ไร่ยังทำนาปลูกข้าวเช่นเดิม” กนกวรรณ เผย

ใช้เวลา 2 ปี กว่าเริ่มตั้งแต่ทำเรื่องกู้ยืมเงินสหกรณ์ในโครงการฯ มาเป็นค่าใช้จ่ายในการพลิกฟื้นที่นามาเป็นแปลงเกษตรไร่นาสวนผสม จนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่รอรายได้จากการทำนาปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว ในที่สุดก็สามารถนำเงินที่กู้มาจำนวน 5 หมื่นบาทส่งคืนสหกรณ์จนหมด


จากนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา เธอได้ทำการกู้ใหม่อีกครั้งในโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์จำนวน 30,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี รวมระยะเวลา 1 ปีโดยกำหนดส่งคืนทั้งหมดภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 เพื่อนำเงินก้อนดังกล่าวมาต่อยอดของเดิมและขยายพื้นที่เพิ่มเติมอีก 3 ไร่ รวมเป็น 6 ไร่ เหลือพื้นที่ไว้ปลูกข้าวเพียง 3 ไร่

“3 หมื่นที่กู้เอามาขยายพื้นที่เพิ่มจากเดิมมีแค่ 3 ไร่ ขยายเพิ่มอีก 3 ไร่ ขุดสระเพิ่มอีกลูก แต่ไม่เสียเงิน เขาขุดให้ฟรี แต่เขาเอาดินไป เราได้บ่อน้ำ เงินที่กู้ก็เอามาซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก ซื้อลูกปลานิลลงไว้ 5,000 ตัว เมื่อปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนนี้เริ่มจับขายได้บ้างแล้ว แต่ตัวยังไม่ใหญ่มาก 3-4 ตัวโล ส่วนเรื่องตลาดไม่กังวล ทางสหกรณ์เขาจะดูแลให้จับเมื่อไหร่แจ้งล่วงหน้า 2 วัน จะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ่อ ส่วนผักที่ปลูกจะเป็นผักอินทรีย์ส่งให้กับทางสหกรณ์ ตอนนี้ส่งสัปดาห์ละ 2 วัน อังคารกับพฤหัส”

เธอยอมรับว่าผักที่ขายเองกับส่งให้กับทางสหกรณ์จะได้ราคาที่ต่างกัน อย่างเช่น บวบงู ขายเองราคากิโลกรัมละ 10 บาท แต่ส่งให้ทางสหกรณ์จะรับซื้อกิโลกรัมละ 26 บาท หรืออย่างชะอมขายเองกิโลกรัมละ 20-25 บาท ถ้าส่งให้สหกรณ์จะได้ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ทำให้ผลผลิตที่ได้จะส่งขายให้กับทางสหกรณ์เกือบทั้งหมด เนื่องจากเราไม่เก่งเรื่องการตลาดภายนอกจะขายในตลาดตามหมู่บ้านอย่างเดียว

ด้านอภิชัย จันทร์ศักดิ์ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์การเกษตร กรป.นพค.บุรีรัมย์ จำกัด กล่าวถึงโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสมาชิกสถาบันเกษตรกรว่า สหกรณ์ฯ ได้ทำการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส. จำนวน 2 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นได้นำมาทำการปล่อยให้สมาชิกในโครงการฯ กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ขณะนี้มีสมาชิกทั้งหมด 801 ราย แต่มีสมาชิกที่สนใจขอกู้ไปทั้งสิ้น 57 ราย รายละ 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,710,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 290,000 บาท ได้ส่งคืน กรมส่งเสริมสหกรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว

“สมาชิกที่กู้ไปจะต้องแจ้งก่อนว่าเอาเงินก้อนนี้ไปทำเกี่ยวอะไร โดยคณะกรรมการฯจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 สัปดาห์ พร้อมกับลงพื้นที่ดูความเป็นไปได้นำมาประกอบในการพิจารณาในการกู้เงิน สมาชิกกู้ไปปลูกผักอินทรีย์ 6 ราย เลี้ยงปลานิล 10 ราย ส่วนที่เหลือเลี้ยงโค โดยส่วนใหญ่ซื้อลูกโคมาขุนต่ออีกสักปีก็ขาย ผักอินทรีย์ที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นผักบุ้ง ผักชี มะเขือ บวบหอม บวบ บางรายปลูกไปแล้วเราก็มาส่งเสริมให้ปลูกเพิ่ม เลี้ยงปลา เลี้ยงโคก็เช่นกัน” เจ้าหน้าที่สินเชื่อคนเดิมระบุ

อภิชัย เผยต่อว่า สำหรับเรื่องการตลาดนั้น ทางสหกรณ์จะรับดูแลทั้งหมด โดยผักอินทรีย์ได้เชื่อมโยงกับสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จำกัด ส่งขายให้กับเอิร์ธเซฟและห้างโรบินสันสาขาบุรีรัมย์ ส่วนปลากับโคก็ไม่มีปัญหา เพียงแค่สมาชิกแจ้งเข้ามายังสหกรณ์ล่วงหน้า 2-3 วัน ทางสหกรณ์ก็จะประสานไปยังพ่อค้าให้มารับซื้อถึงที่เช่นกัน

“เงินก้อนนี้จะส่งคืนจนถึง 31 ม.ค.68 จากนั้นสมาชิกรายใดที่สนใจกู้ใหม่ก็สามารถทำเรื่องกู้ได้ เพราะเป็นเงินหมุนเวียนในโครงการเงินกู้ระยะสั้นปีต่อปี” เจ้าหน้าที่สินเชื่อคนเดิมย้ำทิ้งท้าย

นับเป็นความสำเร็จของสหกรณ์การเกษตร กปร.กลาง นพค.บุรีรัมย์ จำกัด ที่นำเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์มาใช้ประโยชย์เพื่อพลิกฟื้นชีวิตเกษตรกรสมาชิกให้กินดีอยู่ดี ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรของสมาชิกสหกรณ์ .

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย