กรุงเทพฯ 17 ส.ค.- กอนช. ระบุมีแนวโน้มพายุเข้าไทยช่วงกันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคมนี้ ทิศทางเคลื่อนตัวผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าง และภาคกลางตอนบน อาจส่งผลต่อปริมาณน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ย้ำทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมกำชับกรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำ เฝ้าระวังน้ำล้นเขื่อนและเขื่อนชำรุด
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานการประชุมคณะประเมินสถานการณ์น้ำเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนปี 65 โดยระบุว่า ขณะนี้มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 10 แห่ง ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์กักเก็บน้ำสูงสุด (URC) แล้วได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ กิ่วลมและกิ่วคอหมา จ.ลำปาง แควน้อย จ.พิษณุโลก อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น น้ำพุง จ.สกลนคร ป่าสักชลสิทธิ์ จ.สระบุรี บางพระ จ.ชลบุรี และหนองปลาไหลจ.ระยอง รวมถึงบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ซึ่งเน้นย้ำให้ให้กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริหารจัดการน้ำโดยให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำให้น้อยที่สุด รวมทั้งให้บริหารจัดการน้ำร่วมกับสถานการณ์น้ำในลำน้ำและแม่น้ำด้วยเนื่องจากฝนที่ตกสะสมทำให้ดินอุ้มน้ำไว้นานอาจส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้
นอกจากนี้ ได้ให้เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตามเแนวร่องฝนและที่มีแนวโน้มจะมีพายุเข้าในช่วงเดือนกันยายนต่อเนื่องเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งพายุดังกล่าวจะเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าง และภาคกลางตอนบน โดยคาดว่า จะส่งผลต่อปริมาณน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน สทนช. ได้ประสานให้กรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำ เร่งสำรวจสถานการณ์น้ำของแหล่งน้ำขนาดเล็ก รวมถึงความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนทั้งในส่วนที่อยู่ในความดูแลและที่ถ่ายโอนไปแล้ว รายงานกลับมายังสทนช.ภายในวันศุกร์นี้ (19 ส.ค. 65) เพื่อติดตามและวางแผนบริหารจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม ป้องกันกรณีน้ำล้นหรือเขื่อนชำรุดเสียหายได้ล่วงหน้าด้วย
จากการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักสะสมระหว่าง 17 -18 ส.ค. รวม 5 จังหวัดแบ่งเป็น ภาคเหนือ ได้แก่ จ.ตาก (อ.แม่สอด) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย และ อ.ขุนยวม) ภาคตะวันตกได้แก่ จ.กาญจนบุรี (อ.ทองผาภูมิ) ภาคตะวันออก ได้แก่ จ.จันทบุรี (อ.มะขาม) และภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพมหานครโดยพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน จ.พะเยา และ จ.เชียงราย นอกจากนี้รวมทั้งยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำโขงที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 3 จังหวัดได้แก่ จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ และ จ.นครพนม
จากนี้ไป กอนช. จะพิจารณาแนวทางการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ฝน 3 วัน ล่วงหน้าลงถึงระดับจังหวัดผ่านคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อให้หน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องได้วางแผนรับมือได้ทันสถานการณ์รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนรับทราบล่วงหน้าด้วย.-สำนักข่าวไทย