นครพนม 27 มี.ค.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.นครพนม ติดตามงานเศรษฐกิจ ประชุม กรอ.ย้ำใช้จุดแข็งเรื่องที่ตั้งของจังหวัดเชื่อมโยงเพื่อนบ้าน เป็นประตูอุตสาหกรรม-ท่องเที่ยว ระบุยิ่งไล่ยิ่งอยู่ต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสากรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
การลงพื้นที่จังหวัดนครพนมของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการทำงานด้านเศรษฐกิจและผลักดันเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน 2 พบปะประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่โรงเรียนบ้านนาโดนใหม่ ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร ชาวบ้านได้จัดการแสดงรำภูไทต้อนรับ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงการทำงานของรัฐบาลว่า รัฐบาลบริหารงานแบบภูมิภาค กลุ่มจังหวัด จึงปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้สอดคล้องกับจุดแข็งของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการช่วยผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องการเกษตรกรรม การบริหารจัดการน้ำ ความมั่นคง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดนครพนมถือว่ามีจุดแข็งในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงต้องจัดโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่เป็นเกษตรอุตสาหกรรมควบคู่กับเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมการลงทุนของคนไทยและต่างประเทศเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ การอยู่ในชัยภูมิที่ดีเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงเป็นโอกาสพัฒนาการท่องเที่ยวแบบ +1 ซึ่งรัฐบาลพร้อมส่งเสริมด้วยการให้งบประมาณกับกระทรวง คมนาคมพัฒนาเส้นทางคมนาคมไทย ลาว เวียดนามให้เชื่อมโยงกัน เป็นประตูอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
“อยากให้ชาวบ้านรู้จักการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน พัฒนาตนเอง ทำเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ และพืชผักสวนครัวที่จะช่วยเพิ่มรายได้ ส่วนเรื่องการเมืองขอย้ำว่าโรดแมปเป็นไปตามเดิม ไม่ต้องกังวล เราวางยุทธศาสตร์ไว้ 20 ปี แต่ 5 ปีแรกจะเป็นการปูพื้นฐาน การพัฒนาทั้งหมดจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าประเทศยังมีความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจ ตอนนี้ยังมีคนไม่ดี บิดเบือน ผมไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหา ไม่เคยรังเกียจใคร ไม่เคยคิดลงโทษใคร คดีที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้เป็นเรื่องเก่า ไม่ใช่คดีใหม่ และพวกที่เคลื่อนไหวหลบหนีอยู่ต่างประเทศ แต่กล่าวหาโจมตีให้ประเทศเสียหาย คนพวกนี้ใช้ไม่ได้ ถามว่าคนพวกนี้ไล่แล้วจะให้ผมทำอะไร จะให้ผมออกหรือ ผมไม่ออกยิ่งไล่จะยิ่งอยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ภายหลังพบปะประชาชนแล้ว นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการการส่งเสริมการเกษตร นโยบายการพัฒนาของรัฐบาล ปลูกต้นกันเกรา ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดภายในโรงเรียนบ้านนาโดนใหม่ด้วย จากนั้นเดินทางไปวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เพื่อสักการะองค์พระธาตุพนม ชมนิทรรศการนำเสนอผลการดำเนินงานเพื่อขอขึ้นทะเบียนพระธาตุพนมเป็นมรดกโลก หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 เห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรมเสนอพระธาตุพนมเป็นมรดกโลก กราบนมัสการพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร สักการะหอพักแก้ว เขียนชื่อลงบนผ้าห่มพระธาตุพนม เยี่ยมชมด้านในพระธาตุ
นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการประชุมร่วมคณะกรรมการภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ที่มหาวิทยาลัยนครพนม ติดตามความก้าวหน้าเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 จังหวัดที่รัฐบาลจะผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในระยะที่ 2 และชมทิวทัศน์ริมฝั่งโขง พญาศรีสัตตนาคราชที่เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัด โดยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรีได้สักการะพระธาตุนคร เป็นพระธาตุประจำของคนเกิดวันเสาร์ด้วย.-สำนักข่าวไทย