สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 24 มี.ค.- เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบการปฏิบัติงานของรัฐบาล เอื้อประโยชน์ให้สัมปทานบริษัทเอกชนขุดน้ำมันอ่าวไทย ปกปิดเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม
เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย นางบุษบามาส รักสยาม ผู้แทนเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่าน นายธาวิน อินทรจำนงค์ ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่อาจขัดต่อประมวลจริยธรรม และขัดกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีปกปิดเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ. ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ. ภาษีปิโตรเลียม ไม่เผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนได้ทราบ และยังเป็นการแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียมเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชน โดยลดภาษีปิโตรเลียมลง ทั้งที่บริษัทเอกชนต่างๆ มีกำไรมากมาย
“ร่างกฎหมายฉบับใหม่ ประชาชนเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ขณะนี้ราชการกำลังปกปิดเรื่อง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม เนื่องจากว่าก๊าซและน้ำมันในประเทศไทยมีจำนวนมาก โดยในแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย คือ แหล่งก๊าซเอราวัณและบงกช สามารถขุดได้วันละ 136,000 ล้านลิตร และสามารถขุดน้ำมันได้วันละ 10 ล้านลิตร สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ด้วย แต่รัฐอ้างว่าเป็นกระเปราะเล็กขุดยาก มีน้ำมันน้อย ซึ่งดิฉันไม่เชื่อ” นางบุษบามาส กล่าว
นางบุษบามาส กล่าวว่า นอกจากนี้ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ รัฐบาลก็ไม่ยอมเอาส่วนที่ประชาชนเสนอไปพิจารณา อีกทั้ง สัมปทานกับเอกชนกำลังจะหมดในปี 2566 ฉะนั้นจึงควรนำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาเป็นของประเทศไทย ให้คนไทยมาบริหารกันเอง ไม่ใช่ไปให้สัมปทานเพิ่ม หรือ ต่ออายุสัมปทานให้บริษัทต่างชาติอีก รวมเป็นทั้งหมด 39 ปี ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้วสัมปทานจะสามารถต่ออายุได้แค่ครั้งเดียว และว่า ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ จะเดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อให้ สนช.พิจารณายกเลิกร่างกฎหมายฉบับนี้ .- สำนักข่าวไทย