24 พ.ค. – ผู้นำยูเครนชี้ว่า การเจรจาเพื่อยุติสงครามต้องมีนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเข้าร่วมเท่านั้น เพราะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จ ขณะที่เขายังคงเรียกร้องให้ใช้มาตรการลงโทษรัสเซียให้ครอบคลุมทุกด้าน
นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ปราศัยต่อที่ประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ในเมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญประจำปีด้านเศรษฐกิจของโลกที่มีผู้นำประเทศและธุรกิจเข้าร่วมหลายพันคน ปีนี้ต้องเลื่อนมาจากช่วงต้นปีเนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาด เขากล่าวถึงการเจรจาเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ได้จัดมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เขาจึงระบุว่า การเจรจาใดๆ จะต้องเจรจากับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเท่านั้น เพราะเป็นคนที่ตัดสินใจทุกอย่างเพียงคนเดียว หากเขาไม่ได้เจรจาโดยตรงกับนายปูตินก็จะไม่มีการตัดสินใจใดๆ ได้
นายเซเลนสกียืนยันว่า เขาต้องการใช้วิธีทางการทูตในการยุติสงคราม แต่เห็นได้ชัดว่าการเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่นั้นไร้ผล และขณะนี้การจะจัดเจรจากันยิ่งยากลำบากมากขึ้น เพราะมีหลักฐานมากมายว่ารัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนเหนือของกรุงเคียฟ
ที่กรุงเคียฟ ศาลมีคำพิพากษาคดีอาชญากรรมสงครามคดีแรกกับทหารรัสเซียวัย 21 ปี ซึ่งได้รับสารภาพว่ายิงสังหารพลเรือนชายอายุ 62 ปี ในช่วงแรกของสงคราม โดยศาลได้ตัดสินให้เขามีความผิดและลงโทษด้วยการจำคุกตลอดชีวิต นอกจากทหารคนนี้แล้วยังมีทหารรัสเซียอีก 48 คน ที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาอาชญกรรมสงคราม อัยการของยูเครนได้เผยว่า ขณะนี้ได้สืบสวนกรณีอาชญากรรมสงครามโดยทหารรัสเซียราว 13,000 คดี
นอกจากนี้แล้ว ผู้นำยูเครนยังได้กล่าวถึงประเด็นเศรษฐกิจด้วย โดยเรียกร้องให้ทั่วโลกออกมาตรการลงโทษรัสเซียมากขึ้น เพื่อตัดเส้นทางเงินทุนและรายได้ที่นำไปใช้ทำสงคราม เช่น การห้ามซื้อน้ำมัน ห้ามการค้า และตัดช่องทางธุรกรรมธนาคาร ของรัสเซีย
ขณะเดียวกันมีคำเตือนจากโครงการอาหารโลก ถึงผลกระทบของสงคราม จากที่ยูเครนและรัสเซียเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ โดยเตือนว่าห่วงโซ่อุปทานกำลังมีปัญหาที่อาจทำให้เกิดความอดอยากแลกระทบความมั่นคงทางอาหารของโลก
สงครามทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวและส่งออกสินค้าสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และน้ำมันดอกทานตะวันได้. – สำนักข่าวไทย