กรุงเทพฯ 6 พ.ค.-ประธานหอการค้าไทย เดินหน้าชงคนละครึ่งเฟส 5 เข้า ศบศ. เพราะยังเชื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ชี้ทราบดีรัฐบาลมีข้อจำกัดด้านงบประมาณแต่คนละครึ่งเฟส 5 ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนได้จริง และขอให้ภาครัฐชี้แจงทำความเข้าใจผู้ประกอบที่เข้าร่วมคนละครึ่งจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า จากการที่ภาคเอกชนเคยเสนอเรื่องการขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ที่ประชุม ศบศ.ได้เห็นชอบและอนุมัติเพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย โดยจะขยายเวลาถึงเดือนกันยายนนี้
นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง กรณีขอให้รัฐบาลพิจารณาขยายโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ซึ่งหอการค้าไทยทราบถึงความจำเป็นของงบประมาณภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ แม้จะมีการเปิดเกือบเต็มรูปแบบไปเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาทันที กำลังซื้อของประชาชนและสภาพคล่องของภาคธุรกิจยังคงมีปัญหาอยู่ ตลอดจนยังถูกซ้ำเติมจากปัญหาราคาพลังงานที่เพิ่มสูง และราคาสินค้าที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
หอการค้าไทย จึงได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาขยายมาตรการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเสนอให้พิจารณาวงเงิน 1,000-1,500 บาท ต่อคน (30 ล้านคน) ก็จะช่วยให้มีการหมุนเวียนของเม็ดเงินมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบประมาณราว 30,000 – 45,000 ล้านบาท แต่จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและมีเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ60,000-90,000 ล้านบาท เมื่อคำนวนแล้วจะทำให้ GDP มีตัวเลขดีขึ้นได้ถึง 0.63-0.65% ซึ่งนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมรับข้อเสนอดังกล่าวของหอการค้าฯ
ทั้งนี้ ยังแจ้งว่าปัจจุบันกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดงบประมาณเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่มาตรการดังกล่าวอาจได้รับการตอบรับในเร็ววันนี้ และที่ประชุมมีข้อสังเกตในประเด็นที่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง มีความกังวลเรื่องการถูกเก็บภาษีย้อนหลัง โดยหอการค้าไทยเห็นว่ามีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปให้รับทราบว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่ดำเนินโครงการคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน และส่งผ่านกำลังซื้อไปสู่ผู้ประกอบการให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่งหากรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าวไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบการจะไม่มีภาระภาษี โดยมองว่าร้านค้าส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการอาจไม่เข้าใจประเด็นนี้ และกลัวที่จะต้องเสียภาษีหากร่วมเป็นร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเน้นทำความเข้าใจส่วนนี้ให้ชัดเจน เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยประชาชนและผู้ประกอบการพร้อม ๆ กัน เพื่อเพิ่มยอดขายและกำลังซื้อของประชาชนทั่วไปด้วย.-สำนักข่าวไทย