สธ. 21 เม.ย. – “อนุทิน” ไม่ติดใจ หากผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หาเสียงถอดหน้ากากอนามัย ภายใน 90 วัน เพราะหากถึงเวลานั้นคงเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับ ศบค. ว่าถึงวันนั้นยังมีอยู่หรือไม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวระหว่างการดีเบตว่าหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะทำให้เกิดการถอดหน้ากากอนามัยภายใน 90 วัน ว่า นโยบายนี้ก็ต้องดูว่า ณ วันนั้นยังมี ศบค.อยู่หรือไม่ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ก็เป็นกรรมการท่านหนึ่งใน ศบค.เช่นกัน ซึ่งสามารถเสนอมาตรการต่าง ๆ เข้าสู่การพิจารณาได้ เมื่อเสนอแล้ว กระทรวงสาธารณสุขอาจจะเห็นด้วยหรืออาจจะมีข้อโต้แย้ง ซึ่งก็เป็นไปตามหลักวิชาการ ไม่มีปัญหาอะไร ใครคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว และมาหารือกัน
นายอนุทิน กล่าวว่า หน้ากากอนามัยไม่ได้กันแค่โควิด -19 แต่ป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถป้องกันได้ ลดอัตราการป่วยตรงนี้ลงได้จำนวนหนึ่ง ดังนั้น การสวมหน้ากากอนามัยถือว่ามีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม วันนี้การจะไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่นทุกคนได้ ประชาชนรับภูมิคุ้มกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการพิสูจน์ว่าติดเชื้อไม่มีความรุนแรง ยกเว้นผู้ที่มีความเสี่ยง กลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ เพราะฉะนั้นอาจจะมีการรับฟังได้ แต่การจะใส่หรือไม่ใส่หน้ากากอนามัยถือเป็นความสมัครใจ เช่นที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีกฎ ไม่เคยมีบทลงโทษผู้ที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย ดังนั้น หากถึงเวลาก็อยู่ที่ใครจะใส่ ยกเว้นจังหวัดหรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่จะออกกฎเกณฑ์กัน หากผู้สมัครท่านใดได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็มีอำนาจตรงนั้น อยู่ที่ว่ากฎหมายเอื้อให้ทำได้หรือไม่ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขก็เตรียมเรื่อง “3 พอ” คือ เตียงพอ ยา วัคซีนพอ และหมอพอ.-สำนักข่าวไทย