บช.น.20 เม.ย.- ตำรวจตรวจร่างกายหนุ่มมือมีดไล่แทงหญิงสาว 2 คนกลางห้างดัง เบื้องต้นไม่พบสารเสพติด แต่ยังให้การวกวน
พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้ากรณีชายใช้อาวุธมีดคัตเตอร์ เข้าไปก่อเหตุกรีดบริเวณใบหน้าและท้ายทอยของหญิงสาวภายในห้างสรรพสินค้า จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดเมื่อวานนี้ โดยหลังเกิดเหตุ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันที่ในที่เกิดเหตุ
พลตำรวจตรีจิรสันต์ ระบุว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง แต่ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติมถึงสาเหตุ เนื่องจากเจ้าตัวยังให้การวกวน และบอกว่าไม่ทราบว่าทำไปเพราะอะไร เหมือนมีอาการหูแว่ว
ส่วนการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ไม่พบว่ามีสารเสพติด แต่พบประวัติผู้ต้องหา เคยต้องโทษคดีเสพยาเสพติด ที่ สภ.โคกสำโรง จังหวัดลพบุรี เมื่อปี 2561 จากนั้นได้เข้ามาทำงานรับเหมาก่อสร้างที่ย่านพุทธมณฑล สาย 3 และออกจากงานมาได้ 2 เดือน มาเป็นคนเร่ร่อนพักอยู่แถวสนามหลวง โดยก่อนจะออกจากงานยังมีพฤติกรรมการเสพยาอยู่
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหารวม 3 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากกรณีที่ใช้อาวุธกรีดเข้าที่ใบหน้าของพนักงานร้านเสื้อผ้า ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายต่อร่างหายและจิตใจ จากกรณีที่ใช้อาวุธกรีดเข้าที่ท้ายทอยของลูกค้ารายหนึ่ง และข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน รายแรกที่เป็นพนักงานขายเสื้อผ้า ถูกกรีดเข้าที่ใบหน้าเป็นแผลฉกรรจ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ส่วนรายที่ 2 ที่เป็นลูกค้า ถูกกรีดเข้าที่ท้ายทอย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยเย็บ 10 เข็ม และกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว
สำหรับตัวผู้ต้องหา ภายหลังสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ จะส่งตัวไปตรวจอาการทางจิตเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่มีประวัติการรักษาที่ไหน ส่วนผลการตรวจอาการทางจิต ก็จะมีผลทางคดีด้วย แต่อยู่ที่ศาลจะวินิจฉัย โดยต้องดูว่าหากมีอาการทางจิต อาการนั้นอยู่ในระดับใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตำรวจจะเข้าไปประสานพูดคุยกับทางห้างสรรพสินค้า เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น และจะประสานกับกระทรวง พม. เร่งดำเนินการบริหารจัดการกับกลุ่มคนเร่ร่อน โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายหลักๆ คือ ราชดำเนิน สนามหลวง หัวลำโพง.-สำนักข่าวไทย