กรุงเทพฯ 7 เม.ย.- อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ระบุ เจ้าหน้าที่กรมตรวจฯ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ยังคงช่วยสหกรณ์ออมทรัพย์ ก.เกษตรฯ ตรวจสอบจำนวนเงินที่ถูกเจ้าหน้าที่ยักยอก ขณะนี้ยังมีสมาชิกบางรายที่ยังไม่มายืนยันยอดเงินฝาก ด้านผู้ถือหุ้นสหกรณ์เผย กังวลใจ หากจะนำทุนเรือนหุ้นไปจ่ายทดแทนเงินที่ถูกยักยอก จึงเสนอให้จัดทำแผนฟื้นฟูและทยอยจ่ายตามเวลาที่กำหนดในแผน
นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ยังคงร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดตรวจสอบจำนวนเงินที่ถูกยักยอกให้ครบถ้วน โดยล่าสุดที่ตรวจสอบพบความเสียหาย 491 ล้านบาทซึ่งยักย้ายเงินจากบัญชีเงินฝากของสมาชิก 85 ราย แต่มีสมาชิกบางคนที่ยังไม่มายืนยันยอดเงินฝาก กรมตรวจบัญชีสหกรณ์จึงให้สหกรณ์ส่งหนังสือยืนยันยอดเพิ่มเติมไปยังสมาชิก พร้อมตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินรับฝากทุกรายการที่ยังไม่ได้ตอบยืนยันเพื่อตรวจสอบให้ทราบความเสียหายที่แท้จริงทั้งหมดในวันที่ 15 เมษายน 2565
ส่วนการดำเนินคดีได้รับรายงานว่า พนักงานสอบสวนสน. นางเลิ้งออกหมายจับผู้กระทำผิด 2 คนแล้วคือ นางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม ผู้จัดการสหกรณ์และนางศิริพร รัตนปราการ หัวหน้าฝ่ายการเงิน ฐานความผิด ร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง โดยพ.ต.อ. สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับการสน.นางเลิ้งกำชับใช้ฝ่ายสอบสวนอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบซึ่งประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีให้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนได้ แม้มีผู้เสียหายจำนวนมาก แต่พร้อมอำนวยความสะดวกเพื่อความรวดเร็วและเร่งคลี่คลายคดี
นอกจากนี้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์เตรียมประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับการให้คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ เป็นคดีพิเศษตามข้อสั่งการของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย
นาย สรรเสริญ อัจจุตมานัส อดีตเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ซึ่งรมช. มนัญญาเป็นประธาน ตนเองอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นของสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ โดยแสดงความกังวลว่า ผลกระทบจากการยักยอกเงินครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะสมาชิกที่ถูกแอบถอนเงินออกไป แต่กระทบถึงสมาชิกทุกคน เงินที่ถูกยักยอกไม่สูญอยู่แล้ว ทางสหกรณ์ต้องจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ย หากจะนำกำไร 151 ล้านบาทมาจ่ายคืนย่อมทำได้ แต่ที่เหลืออีก 340 ล้าน หากจะนำมาจากทุนเรือนหุ้นซึ่งมีอยู่ 1,574 ล้านบาท ย่อมกระทบถึงเงินลงทุนในหุ้นของสมาชิกอื่นๆ ด้วย ดังนั้นในที่ประชุมเมื่อวานนี้จึงเสนอให้คณกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ทำแผนฟื้นฟู โดยจ่ายเงินที่ถูกยักยอกไปส่วนหนึ่งก่อน แล้วที่เหลือทยอยจ่ายตามระยะเวลาที่กำหนดพร้อมดอกเบี้ย โดยนำกำไรจากการปล่อยกู้ของสหกรณ์ซึ่งคิดดอกเบี้ย 6% มาจ่ายซึ่งจะกระทบต่อสมาชิกทุกคนน้อยที่สุด
นอกจากนี้ยังเห็นว่า ต้องพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ให้สมาชิกตรวจสอบยอดเงินและที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ใช้ตรวจสอบการฝากถอนของสหกรณ์เนื่องจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทำผิดใช้ Low technology คือ พิมพ์ยอดเงินและดอกเบี้ยในบัญชีเงินฝากของสมาชิกด้วยพิมพ์ดีดไฟฟ้า แทนการพิมพ์จากระบบคอมพิวเตอร์ของสหกรณ์ หากต่อไปผู้ทุจริตใช้ High technology มากระทำผิดจะเสียหายมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย