สธ. 24 มี.ค.- อธิบดีกรมการแพทย์ เผยหลังลงนามจัดซื้อยาแพ็กซ์โลวิด 50,000 คอร์ส คาดถึงไทยต้น เม.ย. ตั้งเป้ากระจายยาก่อนสงกรานต์ ใช้ในคนเสี่ยงอายุ 60 ปีมีโรคร่วม รับวัคซีนไม่ครบ โดย 1 คน ทาน 6 เม็ดติดต่อกัน 5 วัน รวม 30 เม็ด ผลการใช้ยาช่วยให้ลดการนอน รพ.และลดเสียชีวิตได้ 88%
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวระหว่างลงนามในสัญญาการจัดซื้อยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ระหว่างรัฐบาลไทย กับ บริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย)จำกัด เพื่อนำยาที่จัดซื้อ จำนวน 50,000 คอร์ส มาใช้กับผู้ป่วยที่มีแนวโน้มอาการรุนแรง เนื่องจากผลและประสิทธิภาพของยาจากการศึกษาวิจัย ในผู้ติดเชื้อ 1,379 คน ช่วยลดความเสี่ยงการนอนรพ.และเสียชีวิตลงได้ ร้อยละ 88 เมื่อผู้ป่วยได้รับยาภายใน 5 วัน ตั้งแต่เริ่มมีอาการ และพบว่าคนที่ได้รับยาแพล็กซ์โลวิด นอนรพ.ร้อยละ 0.77 และไม่มีผู้เสียชีวิต โดยการให้ยาผู้ป่วย 1 คนต้องได้รับยาแพล็กซ์โลวิด 3 เม็ด ร่วมกับยาเนอร์มาเทรลเวียร์ 2 เม็ด เช้า/เย็น และยาริโทนาเวียร์ 2เม็ด รวมวันละ 6 เม็ดรับประทานติดต่อกัน 5 วัน รวม 30 เม็ด ทั้งนี้คาดว่ายาจะมาถึงไทยต้นเมษายน จากนั้นตั้งเป้ากระจายยาก่อนเมษายน เพื่อให้ทันก่อนเทศกาลสงกรานต์ พร้อมย้ำประชาชนที่ถึงกำหนดรับวัคซีนเข็มกระตุ้น(เข็ม3 )ให้มารับก่อน เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของโรค
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์การจ่ายยาแพล็กซ์โลวิด เหมือนกับโมลนูพิราเวียร์ คือ ให้กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง คนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว ยังได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน แต่สำหรับที่ไม่เป็นกลุ่มเสี่ยง มีอาการเล็กน้อย ได้รับวัคซีนครบ ก็จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ หรือ ฟ้าทะลายโจรแทน ทั้งนี้ประสิทธิภาพของยาแพล็กซ์โลวิด ออกฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ 3CL-protease ของ เชื้อ SARS-CoV-2 แต่ โมลนูพิราเวียร์กลไกการออกฤทธิ์คล้ายยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งในให้ยา ทั้ง 2 ชนิดนี้ ทั้ง แพล็กซ์โลวิด และ โมลนูพิราเวียร์ จึงไม่ได้แนะนำให้ใช้ร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งนี้ผลข้างเคียงยาแพล็กซ์โลวิด ไม่พบเหมือนในฟาวิพิราเวียร์ ส่วนการกระจายยาจะใช้แนวทางเดียวกันกับยาโมลนูพิราเวียร์ ให้ส่งต่อไปยังรพ.ศูนย์จากนั้นในเขตกระจายยาไปในผู้เชี่ยวชาญ และในวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.)จะมีการหารือและติดตามการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย