กรุงเทพฯ 12 มี.ค.-นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA พบว่าในปี 2559 มีผู้ค้าออนไลน์ในประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 527,324 ราย และมีมูลค่ารวมกว่า 2.52 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของมูลค่าขายสินค้าและบริการทั้งหมด แต่ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 มีผู้ขึ้นทะเบียนร้านออนไลน์กับกรมพัฒนาธุรกิจแล้ว เพียง 21,167 ราย 23,376 ร้านค้า คิดเป็นร้อยละ 4 ของร้านค้าออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อย
ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการพัฒนาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และวิธีการป้องกันมิจฉาชีพที่อาศัยช่องทางอี-คอมเมิร์ซหลอกลวงผู้บริโภคแล้ว เบื้องต้นเห็นพ้องกันว่า ผู้ประกอบธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ ควรได้รับการพัฒนาส่งเสริมให้มีมาตรฐานความน่าเชื่อถือ เช่นเดียวกับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยมีการกำกับดูแลกันเอง (self-regulate) ภายในระบบตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-มาร์เก็ตเพลส)
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังได้อำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ โดยกรมฯ อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบและระบบการจดทะเบียนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ เช่น ปรับปรุงแก้ไขแบบฟอร์มการจดทะเบียนนิติบุคคลให้สามารถรองรับการจดแจ้งข้อมูลอี-คอมเมิร์ซ พัฒนาระบบการจดทะเบียนให้มีการบันทึกข้อมูลอี-คอมเมิร์ซเพื่อจัดเก็บข้อมูลร้านค้าออนไลน์ เป็นต้น ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมกับการเปิดให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ประมาณกลางปี 2560”
นอกจากนี้ เพื่อให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของไทยมีความน่าเชื่อถือและเป็นช่องทางการขยายตลาดให้กับผู้ประกอบธุรกิจทุกระดับอย่างสมบูรณ์ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้อง และขอเครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนฯ DBD Registered เพื่อยืนยันตัวตน โดยนำเครื่องหมายฯ ดังกล่าวติดไว้บนหน้าเว็บไซต์ให้ผู้บริโภคเห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าและบริการจากเว็บไซต์นั้นๆ รวมทั้งขอความร่วมมือจากสมาคมการค้าต่างๆ เชิญชวนสมาชิกที่ประกอบธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ และขอเครื่องหมาย DBD Registered ติดบนหน้าเว็บไซต์ด้วย เพื่อให้สร้างความเชื่อมั่นธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง”
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้มีการติดตามพฤติกรรมการค้าของผู้ประกอบธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง กรณีที่มีการร้องเรียนพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมในการจำหน่ายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต กรมการค้าภายในมีมาตรการในการกำกับดูแลอยู่แล้ว ภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางค้า พ.ศ.2542 ซึ่งกำหนดห้ามผู้ประกอบธุรกิจกระทำพฤติกรรม
ในส่วนของมาตรการภาษี กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดเก็บภาษีการค้าออนไลน์ ขณะที่ ข้อมูลจากเอกสารเผยแพร่ของกระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันอนุญาโตตุลาการ หรือ THAC ระบุว่า ได้ให้บริการด้านการระงับข้อพิพาททางออนไลน์ (Online Dispute Resolution : ORD) โดยจะทำหน้าที่เป็นพื้นที่กลางในการให้บริการเจรจาไกล่เกลี่ยและทำการประนอมข้อพิพาทให้กับผู้ซื้อและผู้ขายอย่างครบวงจรและรวดเร็ว ผ่านทาง www.talkdd.com โทร 0 2018 1615”-สำนักข่าวไทย