เชียงใหม่ 18 มี.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ย้ำชัดเจนยังไม่ให้รายการสินค้าใดปรับราคาขึ้นอ้างจากต้นทุนสูงขึ้นแต่อย่างใด ชี้ใครค้ากำไรเกินควรแจ้งสายด่วน 1569 ได้ พร้อมให้ปลัด 2 กระทรวงติดตามผลกระทบสงครามรัสเซียและยูเครนดันราคาปุ๋ย ข้าวสาลี และอื่นๆ ขยับสูงขึ้นมากน้อยแค่ไหน และให้พาณิชย์จังหวัดรายงานราคาสินค้าเข้าส่วนกลางทราบทุกวัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการดูแลราคาสินค้าช่วงนี้ไปจนถึงก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้ว่า กระทรวงพาณิชย์จะติดตามและตรวจสอบราคาสินค้าทั้งตลาดสดและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด โดยสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจตลาดทุกระดับในทุกจังหวัด และรายงานตนทุกวัน โดยเฉพาะในราคาสินค้าแต่ละหมวดแต่ละรายการ
อย่างไรก็ตาม สินค้าหมวดสำคัญ 18 หมวด ถือเป็นสินค้าสำคัญต่อการครองชีพของประชาชน ดังนั้น จึงให้นโยบายติดตามทุกวัน ซึ่งราคายังไม่มีการปรับขึ้น แต่เท่าที่ได้รับรายงานหลายรายการปรับลดลงและมีการจัดโปรโมชั่นในห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายรายการ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ลด 50% เช่น พัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญในชีวิตประจำวัน ขณะที่สินค้าอื่นยังไม่อนุญาตให้ขึ้นราคา โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เข้าใจว่าจะปรับขึ้นราคา ขณะนี้ยังไม่มีการขึ้นราคายังขายที่ซองละ 6 บาทเช่นเดิม
ทั้งนี้ ต้องยอมว่ารับขณะนี้ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นไปบ้าง แต่ราคาสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ เช่น หมูเนื้อแดง ก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นไปมาก ตอนนี้หมูเนื้อแดง ราคาเฉลี่ย 150 บาท/กก. ทั่วประเทศ ถือว่าอยู่ในราคาที่กำกับ ขณะที่ขายในห้างอยู่ทีกิโลกรัมละ 135 บาท ขณะที่ราคาไข่คละหน้าฟาร์ม หลังจากประชุมร่วมกับผู้เลี้ยงไก่ไข่ตกลงให้ขึ้นเพียงฟองละ 10 สตางค์ ไม่เกินฟองละ 3.20 บาท และขายในตลาดเฉลี่ย 3.54 บาท/ฟอง ทั้งประเทศ น้ำมันปาล์ม ขวดละ 62.84 บาท โดยแต่ละห้างขายเฉลี่ยอยู่ที่ 55-62 บาทเท่านั้น โดยกระทรวงพาณิชย์จะพยายามดูไม่ให้น้ำมันขาดแคลนและไม่ให้ราคาสูงจนเกินไป ซึ่งราคาเฉลี่ย 62 บาท ถือว่าผู้บริโภคเห็นใจและพอเข้าใจได้
นอกจากนี้จากผลกระทบของสงครามของรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันมาก และกระทบต่อต้นทุนผลิตสินค้าหลายชนิด จนทำให้มีผลต่อภาวะเงินเฟ้อไปทั่วโลกด้วยนั้น ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาหนทางลดผลกระทบต่างๆ ให้กับภาคที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป ซึ่งการดูแลสินค้ากรมการค้าภายในติดตามอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้มีการค้ากำไรเกินควร โดยให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามดูแลสินค้าอยู่แล้ว ดังนั้น หากประชาชนพบเห็นค้ากำไรเกินควรร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 ได้ทันที
ส่วนเรื่องสินค้าปุ๋ย ข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครนนั้น โดยได้รับรายงานเบื้องต้นจากการประชุมของปลัด 2 กระทรวง ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติของปัญหา โดยทั้ง 2 กระทรวงกำลังรวบรวมข้อคิดเห็นและผลกระทบทุกด้านให้ได้ข้อยุติก่อน ที่จะนำให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ทราบกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย