ทำเนียบรัฐบาล 28 ม.ค.-ศบค.เข้มโควิดในโรงเรียน พบคลัสเตอร์หญิงล้วนราชบุรีป่วย 311 ราย หลังกลับมาจากปีใหม่ สั่งปิดโรงเรียนทันที ชี้การตรวจ ATK อาจเจอผลลบลวงได้
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล (ศบค.) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนอาจตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน BA.2 หรือ เวอร์ชันล่องหน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเน้นย้ำว่ายังไม่มีรายงานชัดเจนที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีการติดเชื้อเกิน 14 รายแล้ว แต่ในเบื้องต้นยังไม่พบความแตกต่างทางพันธุกรรมสายพันธุ์โอไมครอนเดิม สิ่งสำคัญแม้จะมีรายงานในต่างประเทศว่า การตรวจหาเชื้อยากขึ้น หลบเลี่ยงการตรวจได้ง่าย แต่ทางกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายงานว่า ยังสามารถตรวจหาเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน BA.2 ได้จากการตรวจ ATK และ RT-PCR ที่เป็นมาตรฐานสาธารณสุขไทย สิ่งสำคัญยังไม่มีรายงานว่ามีความรุนแรงกว่าเดิม แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมจะรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
“ฝากทุก ๆ จังหวัดเรื่องของการให้บริการวัคซีนและเปิดรับจองการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป เข็ม 3 ที่มีความประสงค์จะฉีดวัคซีน แต่มีความลำบากเรื่องการเดินทาง ขอให้ทางโรงพยาบาล คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ช่วยวิเคราะห์พื้นที่และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ที่สำคัญในส่วนของวัคซีนเด็กที่มาถึงไทยวานนี้ (27 ม.ค.65) ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขจะกำหนดให้ฉีดวัคซีนให้แก่เด็กด้วย” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ศบค.พบคลัสเตอร์สถานศึกษาหลายจังหวัด ได้แก่ ราชบุรี น่าน เพชรบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ หนองคาย ยโสธร เลย ศรีสะเกษ โดยพบโรงเรียนที่ติดเชื้อตั้งแต่ระดับก่อนวัยเรียนหรือพรีอนุบาล โรงเรียนอนุบาล มีทั้งสถานศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน มีทั้งโรงเรียนประจำ โรงเรียนกีฬา รวมถึงโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา ทั้งนี้ แต่ละโรงเรียนที่พบรายงานคลัสเตอร์ มีมาตรการที่เข้มงวด มีบุคลากรฉีดวัคซีนค่อนข้างครบถ้วน แต่ปัจจัยเสี่ยงจากการติดเชื้อมักจะมาจากการจัดกิจกรรม การรวมกลุ่ม การแข่งขันกีฬา กิจกรรมปัจฉิมนิเทศ ฉลองนักเรียนจบ ม.6 ซึ่งรับประทานอาหารร่วมกัน เปิดหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นลักษณะปัจจัยเสี่ยงเดียวกับพิธีกรรมทางศาสนา การจัดงานเลี้ยง งานบวช งานแต่งงาน
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า จากการวิเคราะห์คลัสเตอร์โรงเรียนที่จังหวัดราชบุรี เป็นโรงเรียนประจำหญิงล้วน ตอนนี้มีรายงานยืนยันของ สสจ.ราชบุรีว่า มีผู้ติดเชื้อรวมกันทั้งสิ้น 311 ราย ซึ่งเป็นกรณีที่โรงเรียนประจำอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านช่วงปีใหม่ และกลับมาในวันที่ 14-16 มกราคม 2565 นักเรียนประมาณ 570 คน กลับมาจากที่ที่แตกต่างกัน โรงเรียนได้มีมาตรการที่ถูกต้อง มีการตรวจ ATK ในเบื้องต้นตั้งแต่วันที่กลับมา ปรากฎว่าผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งหมด (ไม่พบการติดเชื้อ) รวมทั้งกลุ่มครูด้วย
“เมื่อตรวจ ATK ครั้งที่ 2 วันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าจากเดิมที่มีผลเป็นลบ กลายเป็นผลบวก ครั้งแรกที่เจอ 120 ราย โรงเรียนดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างถูกต้อง รีบแจ้งไปที่ สสจ.ราชบุรี โดยโรงพยาบาลปากท่อ ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเหลือ มีการคัดแยกผู้ป่วย มีการแยกผู้ที่มีความเสี่ยงสูง มีการเก็บตัวอย่าง PCR ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.65 เป็นต้นมา รายงานวันนี้ผลเป็นบวก 311 ราย จากจำนวนนักเรียนรวมครู 6 ท่าน รวมเป็น 576 ราย โดยในวันนี้ทาง สสจ.ราชบุรี รายงานว่า นักเรียนได้เข้ารับการรักษาแล้ว 26 ราย ในโรงพยาบาล และมีอีก 285 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม เบื้องต้นมีการปิดโรงเรียนไปก่อน มีการทำความสะอาด มีการสอบสวนโรค และดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า การตรวจ ATK มีความสำคัญ แต่ต้องพึงระวังว่าสามารถเกิดผลลบลวงได้ไม่เกิน 10% หรืออยู่ที่ประมาณ 5-7% ซึ่งกระทรวงสาธาณสุขแนะนำว่า แม้ว่าจะตรวจ ATK เป็นลบ แต่ถ้าสำรวจประวัติแล้ว เดินทางมาจากหลายพื้นที่ เข้ารวมกลุ่มคนจำนวนมาก มีประวัติสัมผัสผู้ที่มีความเสี่ยง ขอให้กักตัวก่อนเป็นเวลา 7 วัน เมื่อครบเวลากักตัวแล้วสามารถไปทำงาน แต่ยังต้องแยกพื้นที่กับผู้อื่น
“เมื่อเกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อในโรงเรียน อาจทำให้ผู้ปกครองรู้สึกลังเล ไม่มั่นใจให้ลูกหลานไปโรงเรียน กระทรวงสาธารณสุขและที่ประชุม ศปก.ศบค. มีความเป็นห่วง จึงต้องเน้นย้ำว่า เรายังคงต้องอยู่ร่วมกับโควิดสักระยะหนึ่ง แม้ทิศทางนโยบายของต่างประเทศ หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) ใช้มาตรการการอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ หรือที่เรียกว่า Smart Living With Covid-19 โดย ศบค.ชุดใหญ่ มีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ความเสี่ยงลดลง โควิดยังคงอยู่ แต่เราจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ประชาชนดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศบค. มีความเป็นห่วง จึงหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วน เรื่องการกำกับติดตามสถานศึกษาปลอดโควิดเข้มงวด พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครอง เพื่อให้บุตรหลานได้กลับเข้าสู่โรงเรียน และสนับสนุนพัฒนาการของเด็กต่อไปได้
ส่วนการรับนักท่องเที่ยว Test and go ที่จะเริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 ก.พ.นี้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า เมื่อนักท่องเที่ยวหรือคนไทยที่เดินทางกลับมา จะมีกระบวนการประเมิน ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งคงต้องใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน และอนุญาตให้เดินทางได้ แต่การประเมินจะต้องมีความเข้มงวดโดยกรมควบคุมโรค ต้องตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะร่วมกับโรงแรม ที่พัก สถานประกอบการ ตรวจสอบเกี่ยวกับการจองที่พักถูกต้องหรือไม่ และโรงแรมที่จองนั้นเป็น SHA+ หรือไม่
“สิ่งสำคัญนักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด ด้วยการตรวจ RT-PCR ซ้ำครั้งที่ 2 ที่ต้องทำให้ได้ 100% นอกจากการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า เรามีโรงพยาบาล ครูปฏิบัติการที่ให้บริการตรวจ RT-PCR กว่า 30 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จะให้เหตุผลว่าไม่ได้ไปตรวจ เดินทางไปที่จังหวัดอื่นแล้วไม่ได้ เพราะจะกำกับโดยพื้นที่อย่างเข้มงวด หากตรวจพบติดเชื้อจะมีประกันคุ้มครองที่จะครอบคลุมการรักษาเบ็ดเสร็จ ไม่เป็นภาระระบบสาธารณสุขไทย” พญ.อภิสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย