กรุงเทพฯ 25 ม.ค. -อธิบดีกรมปศุสัตว์ระบุเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ออกตรวจฟาร์มหมูทั่วประเทศตามคำสั่งนายกฯ แล้ว พบลดลง 11.81% ตั้งข้อสังเกตจำนวนหมูในห้องเย็น อาจมีความจงใจหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง จึงไม่แจ้งเคลื่อนย้ายและจัดเก็บตามกฎหมาย หากมีขบวนการค้าที่หวังกำไรจนทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนและประเทศเสียหาย จะหาตัวผู้กระทำผิดได้
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทั่วประเทศออกตรวจนับจำนวนสุกรมีชีวิตรอบการผลิตแรกของปี 65 พบว่ามี 10.847 ล้านตัว โดย 1 ปีมี 2 รอบการผลิต คาว่าตลอดทั้งปีจะลดลง 11.81% เมื่อจำแนกพบว่าสุกรพ่อพันธุ์มี 4.9 หมื่นตัว ลดลง 41.1% สุกรแม่พันธุ์มี 9.79 แสนตัว ลดลง 11.16% และสุกรขุนมี 9.569 ล้านตัว ลดลง 13.90% สาเหตุที่ลดลงเนื่องจากผู้เลี้ยงรายย่อยชะลอการเลี้ยงเพราะไม่มั่นใจตลาดที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด ตลอดจนมีการทำลายสุกรในพื้นที่เสี่ยงเพื่อลดความหนาแน่นของสุกรที่เลี้ยงตามระบาดวิทยาทางการแพทย์ ทำให้ผู้เลี้ยงทั้งประเทศมี 1.07 แสนราย
ขณะนี้ผู้เลี้ยงทั้งประเทศมี 1.07 แสนราย โดยผู้เลี้ยงรายย่อยและรายเล็กมีสัดส่วนมาก แต่จำนวนสุกรน้อย ส่วนผู้เลี้ยงรายกลางและรายใหญ่สัดส่วนน้อย แต่จำนวนสุกรที่ผลิตได้รวมกันมากกว่า 70% ของสุกรที่ทั้งประเทศ โดยจำนวนสุกรที่หายไปเป็นของรายย่อยที่หยุดเลี้ยง แต่ของรายใหญ่แทบไม่ลดลง ดังนั้นอาจส่งผลกระทบให้เนื้อสุกรที่ออกสู่เขียงน้อยลงในพื้นที่ห่างไกลซึ่งพึ่งพาสุกรจากผู้เลี้ยงรายย่อย แต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่รับเนื้อสุกรจากรายใหญ่ยังมีตามปกติ ดังนั้นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นจึงไม่ใช่เพราะจำนวนสุกรที่ลดลงอย่างเดียว แต่อาจมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย
ส่วนการตรวจสอบห้องเย็นซึ่งทั่วประเทศมี 1,000 กว่าแห่ง ตรวจแล้ว 500 กว่าแห่งถือว่า มาได้ครึ่งทาง พบเนื้อหมูจัดเก็บ 13.7ล้านกิโลกรัม บางแห่งมีใบเคลื่อนย้าย แต่ระบุไม่ได้ว่า สุกรมาจากไหน บางแห่งไม่แจ้งการจัดเก็บต่อกระทรวงพาณิชย์ ขณะนี้ยังไม่ได้กล่าวหาว่า กักตุนเพื่อเก็งกำไร ตามกฎหมายเปิดให้นำใบขออนุญาตเคลื่อนย้ายซึ่งจะต้องแจ้งต่อกรมปศุสัตว์ทุกครั้งที่จะเคลื่อนย้ายจากฟาร์มเข้าโรงฆ่า จากโรงฆ่าเข้าห้องเย็น และใบแจ้งจัดเก็บต่อกระทรวงพาณิชย์มาแสดง หากนำมาแสดงได้จะถอนอายัด แต่ถ้านำมาแสดงไม่ได้ต้องกล่าวโทษตามกฎหมาย
อธิบดีกรมปศุสัตว์ตั้งข้อสังเกตว่า อาจหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง จึงต้องวิเคราะห์เป็นรายๆ เพื่อจะบอกว่า ใครทำผิดกฎหมายและที่จัดเก็บแบบไม่ถูกต้องเป็นปริมาณเท่าไร แต่ตามสามัญสำนึก เมื่อสุกรมีน้อยลงและราคาสูงขึ้น ควรนำเนื้อสุกรที่มีอยู่มาจำหน่าย ผู้ค้าย่อมหวังกำไร แต่ต้องไม่หวังมากจนทำให้ให้ผู้บริโภคเดือดร้อน จึงสงสัยว่า มีพฤติกรรมเก็งกำไรหรือไม่ อีกทั้งปริมาณที่ตรวจพบเกือบ 14 ล้านกิโลกรัม เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยการบริโภคเนื้อสุกรของคนไทย 20 กิโลกรัมต่อคนต่อปี จึงเพียงพอต่อการบริโภคถึง 700,000 คนต่อปี
สำหรับการทำ “เกษตรพันธสัญญา” ด้านปศุสัตว์พบว่า มี 56 บริษัท เป็นสุกร 14 บริษัทและสัตว์ปีก 42 บริษัทตามพ.ร.บ. เกษตรพันธสัญญา โดยเกษตรกรต้องไปแจ้งต่อเกษตรและสหกรณ์จังหวัดซึ่งเป็นนายทะเบียน แต่ในรายที่จังหวัดนครปฐมซึ่งมีลูกฟาร์มของบริษัทแห่งหนึ่งออกมาระบุว่า ทางบริษัทยังไม่มาจับสุกรไป ทั้งที่เลี้ยงได้ตามน้ำหนักแล้ว มีข้อน่าสงสัยเนื่องจากหากสุกรในตลาดขาดก็ควรจับ จึงมีนัยยะว่า อาจเป็นการบริหารสต๊อก โดยเมื่อห้องเย็นเต็ม จึงเก็บไว้ในลักษณะสุกรมีชีวิตเพราะใกล้ตรุษจีน
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวต่อว่า ขอความร่วมมือให้นำเนื้อสุกรที่เก็บไว้ในสต๊อกมาจำหน่ายเพื่อไม่ให้มีผู้หาผลประโยชน์ซ้ำเติมประชาชน ดังเช่นมีการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากลาวผ่านทางด่านศุลกากรมุกดาหารซึ่งด่านกักกันสัตว์จับได้ที่…
ทั้งนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่เลือกปฏิบัติจึงเชื่อมั่นว่า จะหาตัวผู้ฉวยโอกาสสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและทำให้ประเทศเสียหายมารับโทษได้.-สำนักข่าวไทย