กทม. 3 ม.ค.- “ชลน่าน” มั่นใจสามารถพิจารณาร่างกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จ อย่างช้าสุด พ.ค.65 ระบุ ยังคงหลักการไพรมารีโหวต
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้ง 2 ฉบับ คือ ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง จะเป็นการพิจารณาร่วมกันของสมาชิกรัฐสภาคือ ส.ส.และ ส.ว. ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณา 5 ร่าง คือร่าง ครม.-ร่างเพื่อไทย-ร่างพรรคร่วมรัฐบาล-ร่างพรรคก้าวไกล-และร่างพรรคประชาชาติ
ทั้งนี่ ในวาระพิจารณารับหลักการ ต้องติดตามว่าสมาชิกจะรับหลักการ ร่างทุกฉบับหรือไม่ หรือจะรับรวมทุกร่างฯ หรือจะแยกรับ แต่ส่วนใหญ่แล้วร่างที่หลักการใกล้เคียงกันน่าจะรับไปทั้งหมด ยกเว้นบางร่างที่มีหลักการที่ย้อนแย้งสุ่มเสี่ยงขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ คาดว่ารัฐสภาอาจจะไม่รับหลักการ
อย่างไรก็ตาม กรณีการแก้ไขเรื่องการทำไพรมารีโหวต จะต้องไปดูวิธีการ บทบัญญัติว่าแก้อย่างไร โดยพรรคเพื่อไทยเสนอให้คงหลักการว่ามีการทำไพรมารีโหวตหรือการโหวตเลือกผู้สมัครขั้นต้นของสมาชิก แต่ไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดทุกเขตเลือกตั้ง โดยเปิดให้สาขาพรรคการเมืองดำเนินการทำ ไพรมารีโหวตได้ ซึ่งจะแตกต่างจากร่างของพรรคร่วมรัฐบาล และต้องไปดูในรายละเอียดว่าจะมีแนวทางการให้ความเห็นชอบอย่างไร แต่หลักการใหญ่คือยังต้องคงการทำไพรมารีโหวตโดยการลงคะแนน เนื่องจากเป็นเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ
สำหรับไทม์ไลน์การพิจารณากฎหมายลูก ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งสามารถทำให้เสร็จเร็วได้ เช่นเมื่อผ่านวาระที่ 1 เข้าสู่วาระที่2 การพิจารณาชั้นกรรมาธิการ อาจจะมีการเพิ่มวันเวลาทำงานในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรเดือนมีนาคมและเมษายน เพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จ
จากนั้นเมื่อเปิดสมัยประชุมครั้งต่อไปนำเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 2-3 เชื่อว่าจะแล้วเสร็จก่อนเดือนกรกฎาคม 2565 หรืออย่างช้าคือเดือนพฤษภาคม 2565 หากจะพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วคาดว่าภายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ก็สามารถดำเนินการได้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยในการพิจารณารับหลักการร่างกฏหมายลูกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างร่างของพรรคก้าวไกล ที่มีการยกเลิกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการสั่งยุบพรรค หรือการเพิ่มบทกำหนดโทษ กกต. กรณีความรับผิดในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาว่าหลักการแก้ของแต่ละร่างจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองหรือไม่ ในการพิจารณา โดยไม่ได้ตั้งธงว่าจะรับหรือไม่รับ .-สำนักข่าวไทย