นนทบุรี 20 ธ.ค..-รัฐมนตรีพาณิชย์เผยตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.64 ยังเป็นบวกต่อเนื่องร้อยละ 24.7 แม้ผลกระทบโควิดทั่วโลกยังมีอยู่ ส่งผลให้ตัวเลข 11 เดือนบวกถึงร้อยละ 16.4 มั่นใจยอดทั้งปีบวกร้อยละ 15-16 เตรียมนัดหารือเอกชนผ่านกรอ.พาณิชย์ก่อนสิ้นปีหรืออย่างช้าสัปด่าห์แรกของเดือนม.ค.65 เพื่อกำหนดทิศทางส่งออกในปี 65 แต่เชื่อปีหน้าส่งออกขาขึ้นอยู่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งออกของประเทศในเดือนพฤศจิกายน 64 พบว่า ยอดการส่งออกยังเป็นบวกอยู่ที่ร้อยละ 24.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนโดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 23,647.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นไปตามทิศทางการส่งออกของโลกที่ดีขึ้น แม้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด โโยเฉพาะเชื้อโอไมครอนในหลายประเทศทั่วโลกยังเป็นผลกระทบอยู่ แต่ภาครัฐและเอกชนยังคงเดินหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมถึงเร่งเจาะตลาดต่างๆอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดเก่าและตลาดใหม่โดยเฉพาะในตลาดรัฐเซียในกลุ่มซีไอเอสเอเชียใต้อาเซียนตะวันออกกลางอแฟริกาเกาหลีใต้กลุ่ม CLMV สหรัฐจีนญี่ปุ่นยุโรปและอีกหลายประเทศเพื่อให้การส่งออกในแต่ละเดือนให้สูงขึ้น
ทั้งนี้หากดูกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตรในเดือนพย 64 เติบโตถึงร้อยละ 14.2 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเติบโตถึงร้อยละ 21.1สินค้าอุตสาหกรรมเติบโตถึงร้อยละ 23.1 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลไม้สดยางพารามันสำปะหลังล้วนส่งออกได้ในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นและต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้วดังนั้นยังมั่นใจว่าโอกาสมราสินค้าภาคการเกษตรของไทยในหลายประเภทและหลายชนิดยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกไเด้
ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าสินค้าในเดือนพฤศจากายน 64 อยู่ที่ 22,629.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเป็นบวกร้อยละ 20.5 โดยในเดือนตค 64 ไทยได้ดุลการค้าอยู่ที่ 1,018.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในช่วง 11 เดือนแรกปี 64 ตั้งแต่เดือนมกราคม–พฤศจากายน 64 โดยเป็นยอดส่งออกทั้งสิ้น 246,243.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเติบโตถึงร้อยละ 16.4 ขณะที่ตัวเลขการนำเข้า 11 เดือนมียอดอยู่ที่ 242,315.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นบวกร้อยละ 29.4 ทำให้ไทยเกินดุลการค้าช่วง 11 เดือนอยู่ที่ 3,927.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งออกไทยในเดือนธันวาคมนี้ ยังมีโอกาสเติบโตได้ และคาดว่าโอกาสภาคการส่งออกในปี 64 น่าจะขยายตัวเป็นบวกได้ไม่ตำ่กว่าร้อยละ 15-16 หรือมีมูลค่ากว่า 268,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวเป็นไปได้มาก และขณะเดียวกันในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปีหรือต้นเดือนมกราคม 65 จะมีการประชุมร่วมภายใต้กรอบ กรอ.พาณิชย์เพื่อจะได้ประเมินทิศทางการส่งออกในปี 65 ให้มีความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าตามที่ สนค.ประเมินไว้ว่าการส่งออกในปี 65 น่าจะมีระดับใกล้เคียงในปี 64 โดยยังเป็นอัตราขยายตัวเป็นบวกได้ไม่ตำ่กว่าปี 64 และมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนจะมากถึง 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเฉลี่นยทั้งปีไม่ตำ่กว่า 268,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องจับตา ในปีหน้า คือ ปัญหาการแพร่ระบาดโควิดโดยเฉพาะเชื้อโอไมครอนจะมีความรุ่นแรงมากน้อยนแค่ไหน ปัญหาด้านการขนส่งทางทะเล และการขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภทที่จะมีผลกระทบภาคการส่งออกไปทั่วโลกรวมถึงภาคการส่งออกของไทยด้วย แต่สิ่งสำคัญขณะนี้การบริโภคของทั้่วโลกเริ่มกกลับมาเป็นปกติหลายภาคธุรกิจมีการผลิตสินค้าป้อนเข้าตลาดโลกกันมากขึ้น อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะเงินบาทอยู่ในภาวะอ่อนค่าทำให้ไทยสามารถแข็งขันในตลาดโลกได้ดีอยู่ .-สำนักข่าวไทย