กรุงเทพฯ 16 ธ.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ตอบกระทู้สดแจงเตรียม 18 มาตรการล่วงหน้ารับมือผลไม้ตกล้น แถมสู้ประเทศคู่ค้าได้แน่ ย้ำปี 64 ได้ดุลการค้าจีนมากถึง 177%
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาจาก นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย เกี่ยวกับปัญหาราคาผลไม้และการส่งออก กรณีที่ท่านสมาชิกถามว่าการแก้ปัญหาด่านจีนต้องบูรณาการ 3 กระทรวง คือ เกษตรฯ พาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ ได้แก้ปัญหาอะไรไปแล้วบ้าง ผลเป็นอย่างไรและต่อไปจะทำอะไร
ทั้งนี้ ขอตอบจากคำถามดังกล่าว โดยได้ดำเนินการไปแล้วทุกเรื่องที่ถามมา ซึ่งที่ผ่านมามีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ระหว่างกระทรวงเกษตรฯกับกระทรวงพาณิชย์ภายใต้วิสัยทัศน์ “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” และใช้ “ตลาดนำการผลิต” สำหรับตลาดผลไม้ของไทยในการส่งออก ตลาดจีนเป็นตลาดที่สำคัญที่สุด มีสัดส่วนการตลาดถึง 85% และในรอบ 10 เดือน ม.ค.-ต.ค. การส่งผลไม้สดไปจีนเป็นบวกถึง 86% ท่ามกลางอุปสรรค ในช่วงสถานการณ์โควิด และการขนส่งผลไม้ไทยผ่านลาวและเวียดนามก่อนเข้าจีน ต้องแก้ปัญหาหน้างานหลายครั้ง โดยเฉพาะด่านสำคัญ คือด่านโหย่วอี้กวนกับด่านโม่ฮาน ซึ่งโม่ฮานเป็นด่านใหญ่ เป็นด่านสำรองในการช่วยเวลาเกิดปัญหาที่ด่านโหย่วอี้กวนให้สามารถมีช่องทางส่งผลไม้เข้าจีน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ สั่งการให้ทูตพาณิชย์กับทูตเกษตรฯที่ประจำที่นั่น ดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์ ที่ด่านโม่ฮานที่ผ่านเชียงของไปลาวก่อนเข้าสู่จีน กรณีที่มีปัญหาที่ด่านทูตพาณิชย์และทูตเกษตร จะจับมือกันร่วมเจรจาล่าสุดที่ด่านโม่ฮาน ได้มีปัญหาเพราะด่านปิดช่วงวันที่ 5 ต.ค. 64 เพราะมาตรการป้องกันโควิดแบบZero COVID-19 จาก 5 ด่านที่ส่งออกไปจีน ที่สั่งปิดคือด่านโม่ฮานที่เหลือยังสามารถดำเนินการได้แต่ทันทีที่ด่านปิด ตนสั่งการให้ทูตพาณิชย์ร่วมกับทูตเกษตรฯ เจรจากับจีนขอผ่อนปรนมาตรการ และวันที่ 1 พ.ย.64 ตนได้พบกับท่านทูตจีนท่านใหม่ ประเด็นสำคัญที่สุดที่เรียนกับท่าน คือขอให้ส่งข้อความฝากไปยังรัฐบาลจีนและผู้รับผิดชอบเร่งรัดเปิดด่าน เพียง 2 อาทิตย์ วันที่ 15 พ.ย.ได้เริ่มเปิดการทดลองระบบ และให้สินค้าไทยข้ามแดนผ่านด่านโม่ฮานไปจีนได้ ภายใต้มาตรการคุมเข้มทั้งมีผลให้รถจากฝั่งไทยเข้าไปจีนได้ไม่เกิน 150 คันต่อวัน และรถจากจีนเข้ามาไทยได้ไม่เกิน 180 คันต่อวัน ก็จะนำตู้คอนเทนเนอร์ติดรถกลับเข้ามาไทยด้วยทำให้มีตู้ส่งผลไม้กลับไปได้ และวันที่ 1-14 ธ.ค. 64 มีรถจากไทยส่งสินค้าไปจีนแล้ว 212 คัน มีทั้งลำไย ส้มโอ ทุเรียน กล้วยไข่ และจากวันที่ 11 ธ.ค. ทูตพาณิชย์ไทยประจำคุณหมิงพบกับ Mr. Ai Zhen ผู้อำนวยการสำนักกิจการต่างประเทศของจีนหารือเร่งรัดการเปิดด่าน ซึ่งจีนพยายามผ่อนปรนและมีกำหนดเบื้องต้นว่าจะเปิดด่านเต็มรูปแบบให้ได้ และในช่วงต้นปี 2565 และบ่าย 2 โมงวันนี้ตนจะเดินทางไปเปิดศูนย์กระจายสินค้าเซินเจิ้นจะมีโอกาสพบกับท่านทูตจีนตนจะหารือเพิ่มเติมด้วย
สำหรับเรื่องมาตรการในการปนเปื้อนโควิดในการส่งออกสินค้าไปจีนทั้งทุเรียน ลำไย คือ สิ่งที่ตระหนักอย่างยิ่งเป็นภารกิจที่กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการคุมเข้มไม่เฉพาะทุเรียนกับลำไย แต่รวมผลไม้อื่นๆทุกชนิด ตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง เอาผลไม้ขึ้นตู้ เข้าตู้ปิดตู้ ก็จะมีการฉีดพ่นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงด่านชายแดน จะมีการตรวจสอบให้สินค้าปลอดเชื้อโควิด รวมถึงผลไม้กระป๋องและอาหารทะเลกระป๋อง ดำเนินการตั้งแต่เกิดโควิด ไม่เช่นนั้นตัวเลขการส่งออกเราไม่บวกมหาศาลขนาดนี้ เพราะเราตระหนักว่าในสถานการณ์โควิดที่สำคัญที่สุดคือ สินค้าไทยต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั่วโลกได้ และเราสามารถออกใบรับรองให้ได้ เรามีมาตรการที่ครบถ้วน จึงสามารถนำเข้าจีนได้เพราะนโยบายซีโร่โควิดที่เข้มงวด
ส่วนเรื่องขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เป็นข้อเท็จจริงแต่ไม่ขาดเฉพาะประเทศไทย ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทั่วโลก เป็นปัญหาใหญ่ของทุกประเทศในโลก ตนจับมือกับภาคเอกชนประชุม กรอ.พาณิชย์ แก้ปัญหาเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ช่วงหลังคลี่คลายขึ้น โดยปี 63 สามารถสร้างจุดสมดุลได้ ความต้องการใช้ 1,100,000 ตู้ แต่เรามี 1,200,000 ตู้ แต่บางช่วงขาดเพราะบางเดือนใช้ตู้เยอะ เป็นอุปสรรคทั่วโลก ขณะเดียวกันประเทศยักษ์ใหญ่ที่สามารถจ่ายค่าตู้นำเข้าได้เยอะก็จะได้เปรียบ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญของเรื่องนี้จับมือกันแก้ปัญหา ที่หนักกว่าปัญหาตู้คือค่าระวางเพราะน้ำมันแพงขึ้นทั่วโลก และประเทศไทยไม่สามารถนำเรือขนาดยักษ์เข้ามาได้ ถือว่าเราแก้ปัญหาในภาพรวมทุกเรื่องได้ดีระดับหนึ่ง ถ้าไม่ดีตัวเลขส่งออกไม่บวกขนาดนี้ 10 เดือนบวกเกือบ 40% จากปีที่แล้ว ขณะที่เราต้องฝ่าวิกฤติมากมายหลายประการรวมทั้งโควิดไปด้วย
สำหรับลำไย พื้นที่ปลูกที่เยอะที่สุดอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกรองลงมา โดยเฉพาะเชียงใหม่ ลำพูนและจันทบุรี สำหรับภาคเหนือผลผลิตจะออกประมาณ ก.ค.-ต.ค.
ส่วนลำไยจันทบุรีภาค จะเร่งให้ออกไม่ตรงกันเพื่อจะได้ราคา ช่วงนี้ถือว่าลำไยที่จันทบุรีเป็นลำไยนอกฤดู เมื่อเทียบกับภาคเหนือ มาตรการที่จะดำเนินการช่วยเหลือดูแลต่อไปกระทรวงพาณิชย์ที่ตนเป็นรัฐมนตรีมา 2 ปีเศษ ไม่ปล่อยให้ปัญหาล่วงเลย เป็นครั้งแรกแรกที่การแก้ปัญหาผลไม้ มีมาตรการเชิงรุกชัดเจนตั้งแต่ก่อนผลไม้ปีนี้ จะออกเพราะมาตรการผลไม้ 18 มาตรการ
ทั้งการช่วยเหลือสนับสนุนล้งหรือผู้รวบรวมผลไม้ กิโลกรัมละ 3 บาท ผู้ส่งออกกิโลกรัมละ 5 บาท เพื่อเร่งรัดให้มีการส่งออก ราคาในประเทศจะได้สูงขึ้นและช่วยดอกเบี้ยและอื่นๆอีกหลายมาตรการ รวมทั้งเร่งรัดส่งออกจับคู่ส่งผลไม้ออกนอกประเทศ โดยวันนี้กับวันพรุ่งนี้ กระทรวงพาณิชย์จัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ(OBM)ระหว่างผู้นำเข้าต่างประเทศ 10 กว่าประเทศกับผู้ส่งออกของไทย 180 กว่าบริษัท สามารถจับคู่ 222 คู่ ยอดขายผลไม้ได้เยอะสู่ตลาดโลก
“กระทรวงพาณิชย์ยุคนี้แก้ปัญหารวดเร็วและดำเนินการมาตรการชัดเจนเชิงรุกตั้งแต่หลายเดือนแล้วเพื่อแก้ปัญหาได้ เพื่อให้ได้รับความมั่นใจและการส่งออกจะดำเนินการต่อไป ถ้ามีปัญหาไม่สามารถถามกระทู้สดได้จะสอบถามเป็นการส่วนตัวหรือเสนอแนะอะไรตนยินดีรับฟัง เพราะเป้าหมายเราเหมือนกันต้องการเข้าไปช่วยเกษตรกรให้ดีที่สุด ให้ท่านกรุณาส่งชื่อเกษตรกรที่โทรมาแจ้งกับท่านตนจะสอบถามสาเหตุที่แท้จริง มีอะไรบ้าง ความผิดพลาดอะไรของกระทรวงพาณิชย์บ้างหรือหน่วยงานที่ตนรับผิดชอบ จะนำไปใช้ประโยชน์แก้ปัญหาให้ต่อไป โดยจะติดต่อกลับไป และในภาพรวมที่ตนทำงานร่วมกับเกษตรกรในนามทีมเซลล์แมนจังหวัดที่พาณิชย์จังหวัดเป็นแกน มีทั้งตัวแทนผู้ส่งออก ตัวแทนล้ง เกษตรกรทุกฝ่าย ส่วนใหญ่ที่ประชุมมีความพอใจกับมาตรการและมาตรการ 17 + 1 ที่คิดร่วมกันกับเกษตรกรและทุกฝ่าย ราคาผลไม้หลายตัวดีในช่วง 10 เดือนนี้ เฉพาะราคาทุเรียน +12% มังคุด +23% เทียบกับเวลาเดียวกัน 10 เดือนที่แล้วมีลำไยที่ลดลงมาราคาเฉลี่ย 2% เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย