กรุงเทพฯ 8 ธ.ค.- “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ครองหุ้นกัลฟ์ขึ้นแท่นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 3 สมัย รวย 1.7 แสนล้านบาท ตามด้วย “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 จับตาโควิด-19 โอไมครอน อาจกระทบเศรษฐีหุ้น
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย โดยแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2564 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 1.73 แสนล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 57,809 ล้านบาท หรือร้อยละ 50.14 นายสารัชถ์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ในสัดส่วนร้อยละ 35.55 มูลค่าความมั่งคั่งของ นายสารัชถ์ เศรษฐีหุ้น 3 สมัย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากราคาหุ้นของ GULF ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2560
เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 58,217 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 8,138 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.25 เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ ยังคงเป็นของ นายนิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 56,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,071 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.75 จากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในพอร์ตลงทุนผ่านนิติเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกในปีนี้
เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ นายสมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากหล่นไปอยู่ในอันดับ 8 เมื่อปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้น EA ถือครองในสัดส่วนร้อยละ 23.21 มูลค่า 53,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,613 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.09 เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 และ 6 ได้แก่ 2 เจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 จากอันดับ 6 เมื่อปีก่อน ถือหุ้น MTC ในสัดส่วนร้อยละ 33.96 มูลค่า 41,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,480 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.27 ส่วน ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ขึ้นจากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 6 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 41,631.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,354 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.01
เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA หล่นมาอยู่อันดับ 7 จากอันดับ 4 เมื่อปีที่ผ่านมา ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 35,100 ล้านบาท ลดลง 6,112 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.83
เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ปีนี้ ตกเป็นของ ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่ม บริษัท บี.กริม กลุ่มธุรกิจสัญชาติเยอรมันยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เจ้าแห่งธุรกิจพลังงาน, โรงไฟฟ้า, อุปกรณ์การแพทย์, เครื่องปรับอากาศ, คมนาคม และอสังหาริมทรัพย์ ขยับขึ้นจากอันดับ 10 เมื่อปีที่แล้ว ถือครองหุ้นมูลค่า 26,028 ล้านบาท ลดลง 770 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.87
เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ก้าวเข้ามาติดทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทย โดยขึ้นมาอยู่อันดับ 9 จากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้น CBG ในสัดส่วนร้อยละ 21 มูลค่า 25,200 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 630 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.56 จากราคาหุ้น CBG ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กลับเข้าสู่ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง ถือครองมีมูลค่า 24,632 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,051 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.69
หลังจากเผชิญปัจจัยลบหลายด้าน ในปีที่ผ่านมา จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดจากผลกระทบของโควิด-19 ไปแล้ว จึงเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากการระดมฉีดวัคซีนกระจายทุกพื้นที่ ทำให้มีผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตน้อยลง หลายประเทศเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จึงมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ 30 กันยายน 64 ซึ่งใช้เป็นฐานคำนวณมูลค่าความมั่งคั่ง ปรับเพิ่มขึ้นไปในระดับ 1,605.68 จุด จากฐานปี 2563 อยู่ในระดับ 1,237.04 จุด เพิ่มขึ้น 368.64 จุด คิดเป็นร้อยละ 29.80
ทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2564 เพิ่มขึ้น 331,463 ล้านบาท โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ ไวรัสโควิด -19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน (Omicron) เป็นสายพันธุ์น่ากังวล ต่อการติดเชื้อมากกว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสในอดีต อาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้ากว่าคาดการณ์ อาจกระทบความมั่งคั่ง เศรษฐีหุ้นไทยปีหน้า.-สำนักข่าวไทย
