กรุงเทพฯ 31 ต.ค.-ประธานหอการค้าไทยเชื่อเปิดประเทศแล้วไม่น่าจะมีล็อกดาวน์กลับมาอีก ย้ำรัฐบาลมาทุกทางแก้คุมเชื้อโควิดแต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แนะให้นำเงินงบประมาณกระตุ้นเศรฐกิจทุกด้าน พร้อมขอให้คนไทยเตรียมใจราคาน้ำมันไม่มีโอกาสถูกอีกแล้ว ราคาสินค้าเตรียมขึ้นแน่นอน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวในงานสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) 2564 เปลี่ยนเพื่อปรับ
ธุรกิจ-อุตสาหกรรมฝ่ามหันตภัยโควิด-19 จากความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพและสมาคมผู้สื้อข่าวเศรษฐกิจในหัวข้อ “การค้าพร้อมแค่ไหนหลังฉีดวัคซีนทั่วประเทศเศรษฐกิจไทยฟื้นจริงหรือ”ซึ่งเป็นการสัมมนาทางออนไลน์ว่า โดยหอการค้าไทยมองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 คาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ในปี 2564 จะเติบโตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 1-1.5 โดยตัวเลขนี้คงจะไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงไปมากกว่านี้ แม้ว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วก็ตาม ดังนั้น สิ่งที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่จะต้องเร่งหาทางป้องกันและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างจริงจัง โดยเชื่อว่าหากยาโมลนูพิราเวียร์ ที่จะเข้ามารักษาโควิด-19 หากนำเข้ามาในไทยแล้ว จะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะมองว่าทุกส่วนทั้งเศรษฐกิจ และสาธารณสุขต้องไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเปิดประเทศฯ แล้ว อยากเห็นรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกด้านให้ครอบคุม จากงบประมาณที่คงค้างอยู่หลายแสนล้านบาท หลังจากที่รัฐบาลมีการขยายเพดานก่อหนี้จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 และมีงบประมาณเหลือใช้ในไตรามาส 4/2564 ประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท รวมถึงงบเหลือใช้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ประมาณ 500,000 ล้านบาทที่รัฐบาลต้องเร่งนำงบประมาณที่มีอยู่เหล่านี้ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจรอบด้าน เพื่อต่อลมหายใจให้กับภาคธุรกิจ และภาคประชาชนเพิ่มเติมให้มากขึ้น
ส่วนข้อกังวลเรื่องการกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้งนั้น นายสนั่นเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นหากรัฐสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการติดเชื้อฯ ที่รุนแรงได้ บวกกับในปัจจุบันประชาชนเริ่มเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้นแล้ว และปัจจุบันสาธารณสุขเร่งฉีดวัคซีนได้แล้วกว่า 1 ล้านโดส/วัน โอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ที่รุนแรงก็มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากที่รัฐบาลจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง
นายสนั่น กล่าวว่า ส่วนกรณีที่สหพันธ์การขนส่งแห่งประเทศไทย เตรียมหยุดเดินรถขนส่งสินค้าประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 70,000-80,000 คันทั่วประเทศ เป็นเวลา 7 วันต่อเนื่อง เริ่มในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้นั้น โดยการหยุดเดินรถในครั้งนี้ มาจากกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หรือกลุ่มที่ต้องเช่ารถเพื่อขนส่งสินค้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จากอดีตที่ราคาน้ำมันโลกมีราคาอยู่แค่เพียง 20-30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล แต่ปัจจุบันมีโอกาสสูงถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล และมีแนวโน้มที่สูงขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2565 ดังนั้น ในระยะเวลาสั้นนี้คงไม่มีโอกาสเห็นราคาน้ำมันต่ำกว่า 30 บาท/ลิตรอีกแล้ว ดังนั้น ในช่วงเวลานี้หากมีอะไรที่รัฐบาลพอช่วยผู้ประกอบการได้ ควรที่จะเร่งดำเนินการ เพื่อลดการเผชิญหน้ากัน แต่หลังจากนี้ในส่วนของภาคประชาชนหรือผู้บริโภคเองต้องเตรียมใจกับราคาสินค้าที่จะแพงขึ้นจากปัญหาเหล่านี้ หรือจะได้เห็นสินค้าอุปโภค บริโภค หรือวัสดุก่อสร้าง มีราคาสูงขึ้น ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 หรือต้นปี 2565 รวมถึงจะสร้างผลกระทบทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีกด้วย แต่คงไม่หนักมาก โดยในการประชุม กกร.ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ภาคเอกชน 3 สถาบันฯจะประชุมติดตามและประเมินภาพรวมเศรฐกิจในปีนี้และประเมินภาพรวมเศรฐกิจไทยในปีหน้าหลังรัฐบาลเปิดประเทศแล้วจากนี้จะเป็นอย่างไร โดยผลประชุมจะมีการสรุปภาพรวมออกมาอีกครั้งกันต่อไป .-สำนักข่าวไทย