ทำเนียบรัฐบาล 20 ต.ค.-โฆษกรัฐบาลติงฝ่ายค้านอย่าเดาเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ทำสังคมสับสนคดีเหมืองอัครา ชี้รัฐบาลกับบริษัทคิงส์เกตกำลังหาข้อยุติร่วมกัน ยันยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงกรณีเหมืองอัคราโดยคาดการณ์คำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ ระหว่างบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดท จํากัด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด และราชอาณาจักรไทย ว่า ปัจจุบันยังไม่มีคำพิพากษาชี้ขาดออกมา ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่ดำเนินการคู่ขนานไปกับกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ยืนยันว่าไทยต่อสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการด้วยความรอบคอบ รัดกุม ยึดถือประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นหลัก
“ส่วนที่ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อระงับข้อพิพาท ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลเชื่อว่าจะแพ้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของคู่พิพาททั้งสองฝ่าย ขอให้ฝ่ายค้านรอการตัดสินชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ไม่ควรรีบออกมาคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคต สร้างความสับสนให้กับประชาชนและสังคม” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 72/2559 ลงวันที่ สั่ง ณ วันที่ 13 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 เรื่อง การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคํา ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับประทานบัตรและใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคํา ระงับการประกอบกิจการไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ว่าพื้นที่ประทานบัตรจะอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใดก็ตาม เป็นการคุ้มครองและป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ไห้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเฉพาะหน้าด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมปนเปื้อนอย่างทันท่วงที และคำสั่งดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบระมัดระวัง พอสมควรแก่เหตุ โดยให้ยุติการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคําปิดเหมืองทองทั่วประเทศชั่วคราว โดยไม่เลือกปฏิบัติ
“รัฐบาลยืนยันต่อสู้ตามกติกาสากล และคดีดังกล่าวก็อยู่ระหว่างการดำเนินการในอนุญาโตตุลาการ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็เคยชี้แจงในการประชุมรัฐสภาเกี่ยวกับประเด็นเหมืองทองอัครา ปฏิเสธไม่ได้ใช้ ม.44 ปิดเหมือง แต่เป็นเรื่องการต่อสัมปทานให้ปรับปรุงแก้ไข หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพ ฝากฝ่ายค้านช่วยไตร่ตรองว่าท่านพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้เข้ามาแก้ปัญหาทุกเรื่อง ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จนปัจจุบันท่านได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยยึดหลักการเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านกลับนำทุกเรื่องมาเป็นประเด็นการเมือง ดิสเครดิตรัฐบาล โดยมองข้ามปัญหาสุขภาพของประชาชน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย