กรุงเทพฯ 22 ก.ย.-สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดรับฟังความคิดเห็น “กรอบแผนพลังงานชาติ” คาดจะเริ่มใช้ได้จริงปี 2566
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ระดมความเห็นจากหน่วยงนต่างๆในการร่วมทำแผนพลังงานแห่งชาติ คาดจะเริ่มใช้ได้จริงปี 2566 ก่อนมอบให้แต่ละหน่วยงานจัดทำ 5 แผนย่อย เพื่อสรุปเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาอีกครั้งช่วงปลายปี 2565
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการ สนพ. เปิดเผยว่า “กรอบแผนพลังงานชาติ” มีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปลดปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065 – 2070
แผนดำเนินการหลักได้แก่ 1. จัดทำแผนพลังงานชาติ ภายใต้กรอบนโยบายที่ทำให้ภาคพลังงานขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจให้สามารถรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ Neutral-Carbon Economy ได้ในระยะยาว 2. เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ และปรับลดสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ภายใต้ PDP2018 rev.1 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) ตามความเหมาะสม โดยให้นำหลักการวางแผนเชิงความน่าจะเป็นโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) มาใช้เป็นเกณฑ์ แทนกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) ซึ่งไม่สะท้อนผลจากความไม่แน่นอนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงขึ้นได้
3. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆตอบสนองต่อการผลิตไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่กระทบกับความมั่นคงของประเทศ
โดย สนพ. จะเริ่มเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และสื่อมวลชน หลังจากนั้นจะนำมาปรับปรุงแผนฯ และมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานนำแผนฯ ไปจัดทำแผนย่อย ซึ่งมีทั้งหมด 5 แผน ได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 2022 และ แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ หรือ Gas Plan โดย สนพ. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือ AEDP และแผนอนุรักษ์พลังงาน หรือ EEP กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ Oil Plan ทางกรมธุรกิจพลังงาน เป็นผู้รับผิดชอบ. -สำนักข่าวไทย