กทม. 13 ก.ย.-คณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีนฯ กทม.ประชุมเตรียมกำหนดแนวทางการให้วัคซีนไฟเซอร์กลุ่มนักเรียน 12-17 ปี ใน กทม.
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 15/2564 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมี คณะอนุกรรมการฯ ร่วมประชุมผ่านระบบทางไกล
โดยในที่ประชุมสำนักอนามัย รายงานผลการให้บริการวัคซีนโควิด-19ของ กทม.ประชากรจำนวน 7,699,174 คน มีผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.–12 ก.ย.64 เข็มที่ 1 จำนวน 10,285,747 ราย (คิดเป็นร้อยละ 95.47) เข็มที่ 2 จำนวน 2,723,759 ราย (คิดเป็นร้อยละ 35.38)และเข็มที่3 จำนวน 184,874 ราย และจากการคาดการณ์ จะสามารถให้บริการวัคซีนเข็มที่ 2 ครบร้อยละ 70 ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้
สำหรับแผนการให้วัคซีนเดือน ก.ย.ในสถานพยาบาลจะเป็นการให้บริการสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60ปีขึ้นไป กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ โดยในกลุ่มของหญิงตั้งครรภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงรับน้อมเกล้าฯ ถวายวัคซีนซิโนฟาร์มจากผู้แทนสภากาชาดจีน จำนวน 100,000 โดสเพื่อใช้ในกิจการของสภากาชาดไทยและสภากาชาดไทยได้จัด สรรให้ กทม.เพื่อให้บริการกับหญิงตั้งครรภ์และสามี จำนวน 10,000 โดส โดยจะเร่งประชาสัมพันธ์และจัดฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายต่อไป
ในส่วนการฉีดวัคซีนในหน่วยความร่วมมือไทยร่วมใจฯทั้ง 25 แห่ง ได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวน 120,000 โดส เพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ในวันที่ 14–15 ก.ย.นี้ โดยเป็นประชาชนที่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้าเมื่อวันที่ 9 -11ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำการฉีดตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด เข็มที่ 1เป็น Sinovac และเข็มที่ 2 เป็น AstraZeneca เพื่อให้การฉีดเข็มที่ 2 สามารถทำได้เร็วขึ้น
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียน นักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส.) หรือเทียบเท่า ซึ่งคาดว่าในพื้นที่กรุงเทพฯจะมีกลุ่มเป้าหมายในสถานศึกษาทุกสังกัดประมาณ 400,000 คน แบ่งกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะแรก นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หรือปวช./ปวส. และระยะต่อไป คือนักเรียนในระดับชั้นอื่น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ควบคุมบริหารจัดการทั้งหมด
ในส่วนของ กทม.จะสำรวจกลุ่มเป้าหมายซึ่งผู้ปกครองต้องให้ความยินยอมในการรับวัคซีน จากนั้นจัดทำแผนจัดสรรและช่วงเวลาในการรับวัคซีน นอกจากนี้สถานศึกษาต้องเร่งประสานสถานพยาบาลเพื่อให้บริการวัคซีน พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองกลุ่มเป้าหมาย และแจ้งจำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับวัคซีนโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯได้ตั้งข้อสังเกตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระมัดระวังการควบคุมคุณภาพวัคซีนเนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์จะต้องจัดเก็บในอุณหภูมิที่กำหนด โดยให้จัด ระบบการบริหารจัดการที่ชัดเจน หากเป็นการฉีด ณ สถานพยาบาล คาดว่าจะไม่มีปัญหา แต่หากเป็นการนำออกไปฉีด ณ โรงเรียน ต้องเป็นการฉีดในที่ร่มและไม่มีแสงแดด เพื่อให้วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดี รวมทั้งให้เร่งจัดการระบบการฉีดให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เพื่อให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมายแรกได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มก่อนเปิดเทอม
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการฯได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามรายงานทางวิชาการเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์ และให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนในการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง อาทิ การงดออกกำลังกายหนักภายหลังรับวัคซีน รวมทั้งเตรียมพร้อมสถานพยาบาลในการดูแลหากมีผู้ได้รับผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนไฟเซอร์ .-สำนักข่าวไทย