สธ. 1 ก.ย.-สธ.เผยรักษาผู้ป่วยโควิด-19 หายแล้วกว่า 1 ล้านราย จำนวนผู้หายป่วยรายวันมีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มลดลง และประชาชนคงป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด ตามมาตรการ Universal Prevention เพื่อกลับไปใช้ชีวิตปกติตามวิถีใหม่ที่ปลอดภัยโดยเร็ว
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแนวโน้มดีขึ้น มีจำนวนผู้หายป่วยรายวันมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มลดลง และจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาใน รพ. ลดลงชัดเจน เช่น รพ.สนามบุษราคัม จากเคยมีผู้ป่วยมากกว่า 3,500 คน ลดเหลือ 1,500 คน ศูนย์นิมิบุตร มีผู้ป่วยรอส่งต่อเหลือไม่ถึง 70 คน ภาพรวมมีผู้ป่วยที่รักษาหายสะสมแล้ว 1,040,768 ราย จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,219,531 ราย วันนี้ (1 ก.ย.) มีผู้ที่หายป่วย 18,996 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 14,802 ราย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันแรกที่รัฐบาลอนุญาตให้กิจการ กิจกรรมบางประเภทสามารถเปิดบริการได้ ภายใต้มาตรการที่รัฐกำหนด และหลักการ COVID-Free Setting ในพื้นที่สีแดงเข้ม เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ขนส่งสาธารณะ เป็นต้น เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศสามารถเดินหน้าต่อได้ และผ่อนคลายการใช้ชีวิตให้กับประชาชน โดยยังต้องป้องกันตนเองขั้นสูงสุด คิดเสมอว่าคนรอบข้างมีความเสี่ยงหรือติดเชื้อ ให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการ Universal Prevention คือ ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น, เว้นระยะห่างจากคนอื่น, สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา, ล้างมือบ่อยๆ, หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย, เลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จำเป็น, ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ, แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด, เลือกรับประทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ และหากสงสัยว่ามีความเสี่ยง ควรรับการตรวจด้วย ATK
อย่างไรก็ตาม ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์หลังผ่อนคลายใน 2 สัปดาห์ อย่างใกล้ชิด หากดีขึ้น รัฐบาลจะพิจารณาเปิดกิจการ กิจกรรม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติต่อไป นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนดนัดหมาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง และหากป่วยจะช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้
ส่วนภาพรวมการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ถึงวันที่ 31ส.ค.64 มีผู้ได้รับวัคซีนสะสมแล้ว 32,600,001 โดส ถือว่าฉีดได้เกินเป้าหมาย เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 23,975,098 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 8,212,750 ราย เข็มที่ 3 สำหรับบุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ต้องสัมผัสผู้ป่วย 592,153 ราย.-สำนักข่าวไทย