กรมควบคุมโรค 31 ส.ค.-กรมควบคุมโรค ย้ำผู้ติดเชื้อโควิด19 ห้ามสูบบุหรี่หรือบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบขณะเข้ารับบริการใน รพ.สนาม และศูนย์แยกกักในชุมชนทุกแห่ง พร้อมเชิญชวนให้ใช้โอกาสนี้เลิกสูบอย่างถาวร
นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ป้องกันการเกิดผู้ติดเชื้อรายใหม่ และลดจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ให้ได้มากที่สุด ทั้งการฉีดวัคซีนป้องกัน และมาตรการป้องกันส่วนบุคคล คือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง งดการร่วมกิจกรรมกลุ่มทุกประเภทแล้ว แต่จุดที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ พฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 มากถึง 3.47 เท่า
นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า การเลิกสูบบุหรี่ทุกชนิด จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคเพิ่มขึ้น และควรใช้สถานการณ์ความรุนแรงการแพร่ระบาดของโรคโควิดเลิกสูบ ทั้งนี้ สามารถขอรับบริการช่วยเหลือได้ 2 ช่องทาง คือสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน และ 2.ขอรับคำปรึกษาที่ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ โทร.ฟรี 1600
ด้าน นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กล่าวเสริมว่า ขอความร่วมมือไปยังผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ยังสูบบุหรี่ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการไม่ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในบริเวณโรงพยาบาลสนาม (Hospitel), ศูนย์แยกกักในชุมชน (CI) ที่เป็นสถานที่ราชการหรือสถานที่เอกชน หรือสถานศึกษาหรือสนามกีฬา รวมถึงสถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเป็นพื้นที่ ปลอดบุหรี่ทั้งหมด หากฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 .-สำนักข่าวไทย