กรุงเทพฯ30ส.ค.-IRPC ลุ้นยอดขาย2แสนล้านบาทหลังคลายล็อกดาวน์-การพัฒนาและเร่งฉีดวัคซีน.กระตุ้นยอดบริโภค.แย้มมีโอกาสจบดีลถุงมือยางNBL ปีนี้.หวังธุรกิจใหม่มีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2573 หลังปรับวิสัยทัศน์ใหม่
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPCกล่าวว่าการที่ประเทศไทยคลายล็อกดาวน์เริ่ม1ก.ย.ประกอบกับจีนสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19รอบใหม่ได้ดี.และอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนmRNAในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในไทย ล้วนส่งผลดีต่อการบริโภค.การเดินทาง.และภาพรวมเศรษฐกิจการใช้พลังงานและเม็ดพลาสติกจะเพิ่มขึ้นซึ่งคงต้องติดตามว่าจะส่งผลต่อมาร์จินของช่วง4เดือนสุดท้ายของปีนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไรหลังจากช่วง2เดือนแรกของไตรมาส3/64ลดลงจากผลกระทบโควิด-19สายพันธุ์เดลต้า
“ช่วงครึ่งหลังของปีนี้รายได้จะเท่ากับครึ่งแรกของปีนี้ที่ผลงานค่อนข้างดี มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาทหรือไม่นับว่าเป็นเรื่อง ท้าทาย และรอลุ้นทั้งยอดขายและมาร์จินซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากโควิด-19” นายชวลิตกล่าว นายชวลิต
ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง2564มีกำลังกลั่นของIRPCจะอยู่ที่ 1.90 -1.95 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนแผนเพิ่มประสิทธิภาพทั้งนำดิจิทัล, โรโบติกส์มาใช้ในการวางแผนผลิตและจำหน่ายก็เป็นไปตามแผนและโครงการโนอาร์ที่เปิดให้พนักงานร่วมใจจากที่พนักงานร่วม1, 100คนปัจจุบันเหลือพนักงานกว่า4พันคนก็ช่วยให้ลดต้น500ล้านบาท/ปีเป็นเวลา10ปี
นายชวลิตกล่าวด้วยว่าบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ(M&A) 2-3โครงการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการใหม่ หนึ่งในคือการเจรจาการผลิตถุงมือยางทางการแพทย์.ที่จะเป็นการต่อยอดจากโครงการผลิตหน้ากากอนามัยที่ร่วมมือกับ.บมจ.ปตท.ที่ร่วมมือในการผลิตผ้า Melt Blown และ Nitrile Butadiene Latex (NBL) ซึ่งเป็นนวัตกรรมแต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเจรจากับรายใด.. นับว่าเป็นการตอบรับเมกะเทรนด์ด้านธุรกิจสุขภาพที่ทั่วโลกกำลังเติบโต
สำหรับงบลงทุน 5 ปี(ปี 2564-2568) ตามแผนเดิมบริษัทเตรียมไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐาน EURO V (Ultra Clean Fuel Project: UCF) เพิ่มกำลังการกลั่นอีก 75,000 บาร์เรลต่อวัน มูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2567 แต่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปรับงบลงทุนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ใหม่ของกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ดังนั้นงบลงทุนก็มีโอกาสมากกว่าแผนเดิม โดยคาดว่าจะกำหนดแผนธุรกิจในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้
ทั้งนี้แผนลงทุน 5 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ไม่ผันผวนตามกำไร/ขาดทุน จากสต๊อกน้ำมัน รวมทั้งตั้งเป้าสัดส่วยรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นร้อแยละ 30 ภายในปี 2573 เทียบกับปี 2564 ที่บริษัทยังมีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่ไม่มากนัก
สำหรับการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ของIRPCที่จะเริ่มใช้ในปี 2564 คือ การเป็นองค์กรที่ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว” (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) โดย IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และสุขภาพ.ส่งผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ไม่ผันผวนตามกำไร/ขาดทุน จากสตอกน้ำมัน กำหนดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นร้อยละ 30 ภายในปี 2573 เทียบกับปี 2564
“วิสัยทัศน์ใหม่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ใหม่ของ ปตท. ดังนั้นงบลงทุนก็มีโอกาสมากกว่าแผนเดิม โดยคาดว่าจะกำหนดแผนธุรกิจในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้โดยปัจจุบันงบลงทุน 5 ปี(ปี 2564-2568) ตามแผนเดิมบริษัทเตรียมไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐาน EURO V (Ultra Clean Fuel Project: UCF) มูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2567.-สำนักข่าวไทย