ซิดนีย์ 20 ส.ค. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์นครซิดนีย์ที่ใช้มานาน 2 เดือนแล้ว ออกไปอีก 1 เดือน และยังประกาศใช้คำสั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาล หรือเคอร์ฟิว ในบางพื้นที่ ขณะที่กำลังประสบปัญหาในการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา
นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ประกาศขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์นครซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียและมีประชากร 5 ล้านคน ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน เนื่องจากยังคงพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 644 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในนครซิดนีย์ และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่โดยเฉลี่ยสูงกว่าวันละ 400 คนในรอบ 7 วันเป็นครั้งแรก แม้ใช้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลา 8 สัปดาห์แล้ว
รัฐนิวเซาท์เวลส์จะขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้านทั่วทุกพื้นที่ของนครซิดนีย์ไปจนถึงสิ้นเดือนหน้า ใช้คำสั่งเคอร์ฟิวในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง และจำกัดการออกกำลังกายนอกบ้านได้ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง รวมถึงการขอให้กองทัพส่งทหารราว 1,000 นายช่วยตำรวจควบคุมการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มเบื่อหน่ายและไม่ยอมทำตามข้อบังคับ ทั้งนี้ คำสั่งเคอร์ฟิวจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเวลา 21.00 – 05.00 น. ในพื้นที่ 12 แห่งที่พบการระบาดรุนแรงตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป
ในขณะเดียวกัน ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์กำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ชุมชนชาวพื้นเมืองอะบอริจินในพื้นที่ชนบท และได้ขอความร่วมมือให้ชาวพื้นเมืองอะบอริจินที่เมืองวิลแคนเนีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดทุกคน หลังได้รับแจ้งว่าพบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดเป็นวงกว้างที่งานศพแห่งหนึ่ง ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 42,100 คน และผู้เสียชีวิต 975 คน.-สำนักข่าวไทย