สุราษฎร์ธานี 3 ก.ค. – อสม. พาแม่วัย 66 ปี ไปฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการข้างเคียง อยู่ได้ 5 วัน ก่อนเสียชีวิตด้วยภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เจ้าตัวเฝ้าแต่โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตาย
ที่ ต.คลองไทร อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี มีการจัดงานศพนางโสภา อายุ 66 ปี ที่เสียชีวิตภายหลังฉีดวัคซีนโควิดได้ 5 วัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติ
น.ส.เสาวภา ลูกสาวผู้ตาย ซึ่งเป็น อสม. เล่าว่า หลังนางโสภา ผู้เป็นแม่ ฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อกลับมาถึงบ้านมีอาการข้างเคียง เป็นไข้ หนาวสั่น ให้กินยาลดไข้ก็ไม่ลด วันรุ่งขึ้นพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลท่าฉาง ซึ่งหมอเวรไม่อยู่ พยาบาลแนะนำให้กินยาพารา ก็ทำตามและพาแม่กลับมาบ้าน กินยาพาราอยู่เรื่อยๆ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาล แต่พบว่ามีไข้สูงบ้าง ต่ำบ้าง และท้องเสียควบคู่กันตลอด ตนให้กินยาธาตุแก้ท้องเสีย จนวันที่ 2 ก.ค. ให้ยาลดไข้อีก แต่แม่มีอาการตาลายร่วมด้วย จึงเข้าไปนอน ต่อมาลูกสาวของตนโทรศัพท์มาบอกว่า แม่มีไข้และท้องเสียหนักมากเลอะที่พื้น ตนเองจึงกลับไปที่บ้านทำความสะอาดให้แม่ และพาส่งโรงพยาบาลท่าฉาง ระหว่างที่แพทย์กำลังจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ปรากฏว่าแม่มีอาการหัวใจหยุดเต้น หมอ พยาบาล ช่วยกันปั๊มหัวใจอยู่สักพัก และออกมาแจ้งว่าคุณแม่เสียชีวิตจากภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
น.ส.เสาวภา บอกอีกว่า ตนเองเสียใจมาก คิดว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ตาย เป็นคนฆ่าแม่ เพราะตนเองเป็น อสม. เป็นคนแนะนำให้พ่อกับแม่ไปฉีดวัคซีนกันโควิด-19 เพราะพ่อกับแม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เป็นผู้สูงอายุ และแม่มีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน และได้รับวัคซีนกลุ่มแรก หลังจากรับวัคซีนแม่มีอาการผิดปกติตลอด จากเดิมแม้จะเป็นเบาหวาน แต่เป็นคนแข็งแรง ทำกิจวัตรประจำวันได้ทุกอย่าง ส่วนพ่อปฏิเสธการฉีดวัคซีน และต่อต้านการฉีดวัคซีนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะพ่อติดตามข่าวสารอยู่ตลอด ทั้งนี้ ตนเองแม้ว่าจะเป็น อสม. เมื่อเห็นว่าแม่เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีน ก็จะไม่ฉีดวัคซีนแล้ว พ่อและญาติพี่น้องทุกคนก็ปฏิเสธการฉีดวัคซีน
สำหรับการช่วยเหลือในขณะนี้ ทางหมอโรงพยาบาลท่าฉางได้ทำหนังสือและแนะนำให้ตนยื่นหนังสือขอรับการเยียวยาจากภาครัฐ แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้หรือไม่ เพราะตนและสมาชิกในครอบครัว คือลูกๆ ทั้ง 4 คน ไม่ต้องการให้มีการผ่าพิสูจน์ศพแม่.-สำนักข่าวไทย