กรุงเทพฯ 27 พ.ค. – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผย บจ.ไทย มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 120% จากราคาน้ำมันที่กลับสู่ภาวะปกติ และการรับมือโควิด-19 ดีขึ้น
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 727 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด 756 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ.ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 พบว่ามี บจ.รายงานกำไรสุทธิ 549 บริษัท คิดเป็น 75.5% ของ บจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ในไตรมาส 1 ปี 2564 บจ.มียอดขายรวม 2,937,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 394,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.92% และกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81% โดยสามารถพิจารณาผลประกอบการของกลุ่ม บจ.ได้ดังนี้ 1. หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy & Utilities) โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (Petrochemicals & Chemicals) มีรายได้ กำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยได้อานิสงส์จากการที่กลุ่มประเทศ OPEC ลดกำลังการผลิต ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นน้ำมันปรับสูงขึ้น และ 2. กลุ่ม บจ.อื่นๆ แม้ยอดขายทรงตัวจาก COVID-19 แต่มีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนการผลิตและการจัดการ จึงส่งผลให้ทั้งกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ ไตรมาส 1 ปี 2564 บจ.ไทย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ระดับคงที่ที่ 1.53 เท่า
“ไตรมาส 1 ปี 2564 นี้ สถานการณ์ของราคาน้ำมันปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มีกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีภาวะสงครามราคาน้ำมัน นอกจากนี้ สำหรับ บจ.อื่น ที่มีผลประกอบการดีและมีกำไรปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ หมวดธุรกิจการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับยางพาราและน้ำมันปาล์ม หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ และหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหมวดธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดธุรกิจยานยนต์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในหมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่” นายแมนพงศ์ กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 1 ปี 2564 มียอดขายรวม 45,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.8% และมีกำไรสุทธิรวม 2,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 601.3%. – สำนักข่าวไทย