กรุงเทพฯ 4 พ.ค.-รมว.สาธารณสุข ย้ำอีกครั้งประชาชนเลือกวัคซีนโควิดไม่ได้ รัฐจะเป็นคนเลือกให้ ส่วนยี่ห้อ Pfizer ได้มาจะเก็บไว้ให้คนอายุ 12-18 ปี ส่วนถ้าอยากซื้อฉีดเอง เร็วที่สุดอีกไม่กี่เดือน คือ Moderna แต่ต้อง Pre-Order ผ่านเอกชนและซื้อผ่านรัฐ
เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กล่าวถึง การฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศไทย ว่า ขณะนี้ไม่มีความขัดแย้งอะไร จริงๆ ไม่ได้มีกฎหมายบังคับให้ฉีด แต่เป็นสิทธิของประชาชน หากประสงค์รับวัคซีน รัฐก็มีวัคซีนให้ โดยชนิดวัคซีนขึ้นอยู่กับจังหวะและวัตถุประสงค์ที่นำเข้ามา เช่น ไฟเซอร์ เจรจานำเข้าเพราะครอบคลุมไปถึงเด็กอายุ 12-18 ปี ดังนั้นเด็กอายุ 12-18 ปี ก็ต้องได้รับการพิจารณาก่อน
ส่วน AstraZeneca สามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี ไปจนถึงสูงอายุ ซึ่งช่วงที่จำนวนยังมีจำกัด คนที่อายุยังไม่มากก็ต้องขอให้ฉีด Sinovac ก่อน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เมื่อมีวัคซีนทั้งหลายเข้ามาจำนวนมากแล้ว อยากเลือกวัคซีนของบริษัทใดก็พยายามอำนวยความสะดวกให้ แต่ ณ วันนี้ ไฟเซอร์ยังไม่เข้ามา เดือนหน้าก็มีแต่ AstraZeneca กับ Sinovac ก็ต้องดูสถานการณ์และความเหมาะสม
พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่ารัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขไม่มีการกีดกันวัคซีนใดๆ ที่เข้ามาเป็นวัคซีนทางเลือก แต่บริษัทที่ผลิตวัคซีนทุกษริษัท ไม่ขายให้เอกชนโดยตรง โดยจะขายผ่านรัฐบาล ทั้งนี้เอกชนสามารถซื้อวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยได้ โดยผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.)
เมื่อถามว่าประชาชนมองว่าทำไมไม่ให้สิทธิประชาชนเลือกชนิดวัคซีนเอง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้สั่งวัคซีนทุกชนิดเท่ากันหมด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขณะไม่มีก็ถามว่าทำไมไม่มีวัคซีน พอมีแล้วทำไมถึงไม่มียี่ห้อนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีความต้องการที่หลากหลายรัฐก็ต้องเป็นผู้กำหนด โดยในปัจจุบัน อย. อนุมัติวัคซีนโควิด-19 แล้ว 3 ราย คือ
1.วัคซีน AZD1222 ของ AstraZeneca นำเข้าโดย บริษัทแอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด
2.วัคซีน CoronaVac ของ Sinovac นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.)
3.วัคซีน JNJ-78436735 ของ Johnson & Johnson นำเข้าโดย บริษัทแจนเซ่น-ซีแลก จำกัด
ส่วนวัคซีนที่อยู่ระหว่างดำเนินการคือ
1.วัคซีน mRNA-1273 ของ Moderna นำเข้าโดย บริษัทซิลลิคฟาร์มา จำกัด
2.วัคซีน Covaxin ของ BHARAT BIOTECH นำเข้าโดย บริษัทไบโอเจเนเทค จำกัด
3.วัคซีน Sputznik V ของ Sputnik V นำเข้าโดย บริษัทคินเจน ไบโอเทค จำกัด