วอชิงตัน 28 เม.ย. – กลุ่มวุฒิสมาชิกจากทั้งสองพรรคการเมืองของสหรัฐร่วมกันเรียกร้องเมื่อวานนี้ ให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่มมาตรการลงโทษผู้นำรัฐบาลทหารของเมียนมา รวมถึงการปิดกั้นรายได้ที่ไปยังบริษัทพลังงานของรัฐบาล เพื่อตอบโต้การก่อรัฐประหารและการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ประท้วง
วุฒิสมาชิกเจฟฟ์ เมอร์คลีย์ จากพรรคเดโมแครตและวุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ จากพรรครีพับลิกัน พร้อมกับวุฒิสมาชิกคนอี่น ๆ อีก 4 คน ร่วมลงนามในจดหมายเรียกร้องให้นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศและนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลัง หาแนวทางในการสนับสนุนประชาชนเมียนมาในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ในขณะที่มีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชนเพิ่มมากขึ้นในเมียนมา วุฒิสมาชิกกลุ่มนี้ ต้องการให้รัฐบาลของนายไบเดน หยุดการจ่ายค่าสิทธิจากธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงจากเชฟรอน คอร์ป บริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่ให้กับเมียนมา ออยแอนด์ แก๊ส เอนเตอร์ไพรซ์ หรือ เอ็มโอจีอี ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงพลังงานเมียนมา เอ็มโอจีอี ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้นำกองทัพ ที่รวมถึงพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งถูกสหรัฐใช้มาตรการลงโทษไปแล้ว เอ็มโอจีอี เป็นหุ้นส่วนในโครงการยาดานา ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติในเมียนมา ที่เชฟรอนถือหุ้นอยู่ร้อยละ 28.3 อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของเชฟรอนกล่าวว่า การปิดกั้นรายได้หรือภาษีใด ๆ อาจจะเป็นการละเมิดสัญญาได้ รายงานระบุว่าในช่วงระหว่างปี 2014-2018 เชฟรอนจ่ายเงินให้เมียนมาประมาณ 50 ล้านดอลลาร์
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ของเมียนมา ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากการก่อรัฐประหารของกองทัพ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นายมาน วิน เคียง ธัน นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ออกแถลงการณ์เป็นฉบับแรกนับตั้งแต่สมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียนจัดประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกวาระพิเศษเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่อินโดนีเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาและผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาได้เข้าร่วมการประชุมด้วย นายมาน วิน เคียง ธัน กล่าวว่า เขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับการบิดเบือนความจริงของกองทัพเมียนมา เขายังกล่าวเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองในเมียนมาอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งรวมถึงนางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจไป เพื่อให้มีการเจรจาอย่างสร้างสรรค์.-สำนักข่าวไทย