ซิดนีย์ 12 เม.ย.- ออสเตรเลียล้มเลิกเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้ประชากรที่มีเกือบ 26 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ หลังจากมีคำแนะนำใหม่ว่า ผู้มีอายุไม่ถึง 50 ปีควรรับวัคซีนของไฟเซอร์มากกว่าของแอสตราเซนเนกาที่ออสเตรเลียใช้เป็นส่วนใหญ่
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันโพสต์เฟซบุ๊กวานนี้ว่า แม้ทางการอยากฉีดวัคซีนให้ประชาชนภายในสิ้นปีนี้ แต่ไม่สามารถกำหนดเป้าหมายเช่นนั้นได้ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนหลายอย่าง เดิมออสเตรเลียตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั้งหมดภายในสิ้นเดือนตุลาคม แต่ต้องล้มเลิกเป้าหมายดังกล่าว หลังจากออกคำแนะนำเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผู้มีอายุไม่ถึง 50 ปีควรฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ ตามที่ยุโรปย้ำว่าวัคซีนของแอสตราเซนเนกาอาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
พอล เคลลี นายแพทย์ใหญ่ออสเตรเลียเผยว่า ออสเตรเลียจะได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ 40 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ เพียงพอสำหรับฉีดให้ผู้ใหญ่ทุกคน แต่ไม่ขอตอบว่า บุคลากรทางการแพทย์อายุต่ำกว่า 50 ปีจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ภายในกลางปีนี้หรือไม่ รวมทั้งไม่ตอบเรื่องโมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสันไม่ยอมส่งวัคซีนให้ออสเตรเลีย เพราะไม่มีโครงการชดเชยความเสียหายจากการฉีดวัคซีนโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิดหรือไม่ (no-fault vaccine compensation scheme)
ออสเตรเลียเริ่มการฉีดวัคซีนล่าช้ากว่าหลายประเทศเพราะมีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 29,400 คน เสียชีวิต 909 คน ตั้งเป้าฉีดให้ได้ 4 ล้านเข็มภายในเดือนมีนาคม แต่จนถึงขณะนี้ฉีดไปเพียง 1.16 ล้านเข็มเท่านั้น เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลระดับรัฐ แต่นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันแย้งว่า ออสเตรเลียมีอัตราการฉีดพอ ๆ กับเยอรมนี ฝรั่งเศส อีกทั้งยังเร็วกว่าแคนาดาและญี่ปุ่น.-สำนักข่าวไทย