กรุงเทพฯ 22 ก.พ.- บ่ายวันนี้! นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เตรียมเคาะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
บ่ายวันนี้ จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คาดว่าจะมีการนำผลการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์มาพิจารณา
ประเด็นสำคัญคือ กำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ “โควิด-19” พื้นที่เฝ้าระวังจาก 35 จังหวัดเป็น 54 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูงจาก 17 จังหวัดเป็น 14 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมจาก 24 จังหวัดเหลือ 8 จังหวัด ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังเป็น 1 จังหวัด คือ สมุทรสาคร
ประกอบด้วยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ สมุทรสาคร (สีแดง) ส่วนพื้นที่ควบคุม ซึ่งเหลือเพียง 8 จังหวัด (สีส้ม) อาทิ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และสมุทรสงคราม เป็นต้น
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด (สีเหลือง) อาทิ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด (สีเขียว) อาทิ จันทบุรี สิงห์บุรี ตราด เป็นต้น
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการหารือขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์ “โควิด-19” เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ใช้อยู่จะหมดอายุในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และหากที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่มีมติต่ออายุจะมีการผลักดันเข้าสู่วาระการประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยสาเหตุหลักที่จะต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะยังมีการระบาดของ “โควิด-19” ในประเทศ รวมถึงให้สอดรับกับการมาของวัคซีนป้องกัน “โควิด-19” ที่ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังเข้มข้นผ่านอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด
ส่วนความคืบหน้าวัคซีน covid-19 จากบริษัท Sinovac จากประเทศจีน อีก 2 วัน คือวันพุธที่ 24 ก.พ.นี้ จัดส่งมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า (Cargo) เที่ยวบินที่ TG 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ออกเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เวลา 06.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 10.00 น. ที่คลังสินค้า การบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งในวันดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเข้ารับมอบด้วย.-สำนักข่าวไทย