กระทรวงมหาดไทย 4 ม.ค. – รมว.มหาดไทย ประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ ผู้ว่าฯ 28 จังหวัดพื้นที่สีแดง กำชับต้องสร้างการรับรู้มาตรการด้านสุขอนามัยกับประชาชนขั้นสูงสุด ลดการเคลื่อนย้ายคน ให้อำนาจสั่งปิดสถานที่ที่มีกิจกรรมแออัด แต่ไม่ให้กระทบเศรษฐกิจเกินความจำเป็น
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการสำคัญ ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำนวน 27 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม
พลเอก อนุพงษ์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มในประเทศเพิ่มสูงขึ้น นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 16) และมีคำสั่ง ศบค.ที่ 1/2564 กำหนดพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ใน 28 จังหวัด พร้อมมอบนโยบายในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้เกิดการบูรณาการและประสานการทำงานเป็นไปตามข้อกำหนดและนโยบายของ ศบค. โดย ศบค.มท. จะเป็นหน่วยงานในการประสานการปฏิบัติมาตรการต่างๆ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการสถานการณ์ที่มีเอกภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการที่จะต้องดำเนินการในพื้นที่ สิ่งสำคัญที่สุดคือมาตรการด้านสุขอนามัย ได้แก่ การเว้นระยะระหว่างกัน สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและสังเกตอาการ และใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทำอย่างเข้มข้น เพื่อลดการแพร่ระบาดและสามารถป้องกันตนเองจากเชื้อโรคได้ การคัดแยกและการสอบสวนโรคผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยง เมื่อตรวจแล้วจะต้องจัดสถานที่คัดแยกกลุ่มคนต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก โรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยอาการไม่หนักมาก เป็นต้น และในโรงงานอุตสาหกรรมก็เช่นกัน ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนำไปพิจารณาดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขด้วย สำหรับการสกัดกั้นการแพร่เชื้อในพื้นที่ ให้มอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน ประสานความร่วมมือจากประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนช่วยกันสอดส่องดูแลบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ และใช้อำนาจในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) บูรณาการฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองควบคุมการเข้า-ออกพื้นที่ การขนส่งสินค้าให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รวมถึงพิจารณาตั้งด่านสกัดบริเวณถนนสายรอง นอกจากนี้ ต้องมีมาตรการลดการเคลื่อนที่ของคน การปิดสถานที่ที่มีกิจกรรมแออัด แต่ให้คำนึงถึงด้านเศรษฐกิจไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกิดความจำเป็นด้วย
พลเอก อนุพงษ์ ย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดต้องสร้างการรับรู้เข้าใจกับประชาชนให้มีความตระหนักและร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเต็มกำลังความสามารถ และขอเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกคนทำงานเพื่อประชาชนอย่างแข็งขัน และหากมีข้อหารือเพิ่มเติม ขอให้เสนอมายัง ศบค.มท. เพื่อพิจารณานำเสนอ ศบค. ต่อไป.-สำนักข่าวไทย