กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. – บางจากฯ พร้อมรับโควิด-19 ระลอกใหม่ ให้พนักงานโรงกลั่นจำกัดการเดินทางเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ พร้อมทำแผนเศรษฐกิจรับความผันผวนบน 3 สมมติฐานราคาน้ำมันดิบปีหน้า งบลงทุน 5 ปีปรับจากธุรกิจน้ำมันไปสู่ธุรกิจไฟฟ้าเป็นหลัก
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กล่าวว่าบริษัทติดตามสถานการณ์ระบาดรอบใหม่ ของโควิด-19 และยกระดับการป้องกันล่าสุดคือมีคำสั่งดูแลพนักงานโรงกลั่นน้ำมัน โดยเฉพาะพนักงานควบคุมหรือคอนโทรลรูมก็ขอให้ปฏิบัติงานในพื้นที่เท่านั้น จำกัดการเดินทาง เพื่อให้การเดินเครื่องไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งบริษัทไม่ตื่นตระหนก แต่เตรียมพร้อมให้ดีสุด พร้อมตั้ง3สถานการณ์รองรับปี 64 ซึ่งคาดว่าความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ จึงจัดทำงบประมาณ ด้วยการ ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบ ตั้ง 3 สมมุติฐาน คือกรณีฐาน (base case) 46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล กรณีที่เป็นไปได้ (likely case) 41 ดอลลาร์/บาร์เรล และกรณีที่เลวร้ายที่สุด (worst case) 35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพื่อเลือกใช้ตามสถานการณ์
นอกจากนี้จากความไม่แน่นอนทางสภาพเศรษฐกิจ ทางบางจากฯเห็นว่า การรักษาสภาพเงินสดเป็นสิ่งที่จำเป็น นอกจากรองรับความผันผวนแล้วยังมีเงินสำหรับการหาโอกาสลงทุนใหม่ ในผลตอบแทนที่ดี โดยล่าสุด บางจากฯลดสัดส่วนหุ้นลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Lithium Americas Corp. (LAC) ทำธุรกิจเหมืองลิเทียม ในอาร์เจนตินา-สหรัฐ จากร้อยละ 15.8 เหลือร้อยละ 0.5 ก็เนื่องจากเห็นว่าได้ราคาที่ดี ขายได้ราว 4,000 ล้านบาท มีกำไรถึง 3,000 ล้านบาท และทำให้ บริษัทมีกระแสเงินสดเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งการลดสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวไม่กระทบต่อสิทธิในการซื้อลิเทียมตามสัญญา Lithium Purchase Agreement (สูงสุด 6,000 ตันต่อปี) จากโครงการ Cauchari-Olaroz แต่อย่างใด
ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ปี 63 กระทบหนักต่อธุรกิจโรงกลั่นฯ ที่จำหน่ายน้ำมันอากาศยาน (เจ็ท ) ไม่ได้ ทางบางจากฯได้ปรับตัวลดกำลังกลั่น จาก 1.2 แสนบาร์เรล/วัน เหลือประมาณ 9 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และยกเลิกการผลิตน้ำมันอากาศยาน ปรับโรงกลั่นเป็น niche products refinery นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด ไปสู่การผู้ผลิต UCO (Unconverted Oil) รายเดียวในประเทศไทย และส่งออกไปเกาหลีใต้ รวมทั้งการผลิตสารทำละลาย (solvent) และยังวางแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์หลากหลายในอนาคตอันใกล้ เช่นนำน้ำมันเตาเกรดพิเศษใช้เป็นสารตั้งต้นของการผลิต wax เพื่อนำไปผลิตเทียนไข น้ำยาขัดเงา สารเคลือบภาชนะกระดาษ เป็นต้น ทำให้สร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยตลาดประเมินค่าการกลั่นสิงคโปร์ปี 64 จะอยู่ที่ 3-4 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ด้วยแนวทางลดต้นทุนของบางจากฯและเพิ่มการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มก็จะทำให้ได้ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่องคาดใกล้เคียงกับปี 63 บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 900 ล้านบาท และมีการปรับโครงสร้างการลงทุน ใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับการลงทุน ในขณะที่บางจากฯจะปิดซ่อมบำรุงใหญ่เดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม 64 ทำให้คาดว่ากำลังกลั่นปี 64 จะอยู่ที่ประมาณ 9.0-9.5 แสนบาร์เรล/วัน
“ปี 63 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปเปรียบเสมือนกับการกดปุ่ม “reset” ตั้งต้นใหม่ในหลายๆ ด้านเพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานที่กระชับ คล่องตัว พร้อมรับสถานการณ์ปี 64 และกลุ่มบางจากฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานมีเป้าหมายจะเพิ่มรายได้ธุรกิจสีเขียวเป็น ร้อยละ 40 – 50 ในปี 67 และตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ในปี 2573” นายชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
ส่วนการใช้น้ำมันในประเทศปีหน้า คาดว่าหากเศรษฐกิจขยายตัว ยอดใช้น้ำมันของประเทศก็จะเป็นบวกเท่ากับจีดีพี หลังจากปีนี้หดตัวร้อยละ 5 – 6 ซึ่งปีหน้าจะมีการลงสร้างปั๊มใหม่ราว 100 แห่ง และปิดปั๊มประมาณ 10 แห่ง จากปัจจุบันมีราว 1,420 แห่ง
สำหรับงบฯลงทุน ปี 64 อยู่ที่ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยให้น้ำหนักในการขยายการลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG สัดส่วนอยู่ที่ ร้อยละ75 ,ธุรกิจน้ำมัน ได้แก่การขยายสถานีบริการน้ำมัน ซ่อมบำรุงโรงกลั่นฯ และการปรับปรุงมาตรฐานยูโร 5 อีกประมาณ ร้อยละ15-16 ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI และอื่นๆอีกร้อยละ 9-10 ขณะที่งบลงทุน 5 ปี (2564-2568) ตั้งไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ยังคงใช้ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ BCPG สัดส่วน ร้อยละ60 ธุรกิจโรงกลั่นฯ ร้อยละ20 ธุรกิจการตลาด ร้อยละ 15 และอื่นๆ อีก ร้อยละ 5 เนื่องจากรายได้จากธุรกิจไฟฟ้ามีความเสถียร และไม่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19
ส่วนความคืบหน้าแผนเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ของ BBGI ยังเดินหน้าตามแผนเดิม คาดว่าจะเร็วสุดภายในปลายปี 2564 โดยขณะนี้ BBGI ได้ขยายธุรกิจสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายธุรกิจผ่านนวัตกรรมพลังงานสีเขียวอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการจักรยานยนต์และสามล้อไฟฟ้า และการแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ (battery swapping) โดยตั้งเป้าหมายขยาย Winnonie สตาร์ทอัพให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในกลุ่มบางจากฯ เป็น 10,000 คันในปี 2566 และได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการขยายจุดชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า EV Charger ในสถานีบริการน้ำมันบางจากไม่น้อยกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2564 . – สำนักข่าวไทย