สุพรรณบุรี 17 ธ.ค.63 – วราวุธ เดินหน้าขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ตั้งเป้าแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตพื้นที่ 3 จังหวัดภาคกลาง
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม โดยดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ทั้งปัญหาที่ดินทากิน ภัยแล้ง ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภคบริโภค ปัญหาผักตบชวา กีดขวางทางน้ำ การบริหารจัดการคุณภาพน้ำดี น้ำเสีย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งได้เร่งดำเนินการแก้ไขในทันที ส่วนปัญหาที่ไม่ได้อยู่ในความดูแลของกระทรวงฯ จะเป็นผู้ประสานงานและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดสุพรรณบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการว่างงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จัดหางบประมาณเพื่อจ้างบุคลากรในการปลูกและพื้นฟูป่า แก้ไขปัญหาภัยแล้ง และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งเส้นทางของน้ำยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนทั้งหมด โดยในระยะสั้น ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้ง และตำแหน่งที่เหมาะสมกับการขุดเจาะน้ำบาดาล ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อทำโครงการเสนอของบประมาณ ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ติดตามโครงการระบบน้ำบาดาลทางไกล การติดตั้งหอถังน้ำ ความจุ 300,000 ลิตร สาหรับระบบบาดาลขนาดใหญ่ส่งน้ำระยะไกล ให้พื้นที่ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและสำหรับทาการเกษตรไม้ผล
ซึ่งสามารถกระจายน้ำครอบคลุม พื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ได้แก่ ต. ตลิ่งชัน ต. สนามคลี อ. เมือง และ ต. ไร่รถ อ. ดอนเจดีย์ พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 20,000 คน โดยจะเป็นโมเดลต้นแบบในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ประสบภัยแล้งแห่งอื่นๆ อีกด้วย
ส่วนในระยะยาว ดำเนินการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำที่อยู่เหนือเขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเติมน้ำให้เขื่อนในระยะยาว นอกจากนี้ได้เร่งรัดศึกษารายละเอียดการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ให้เข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เร่งรัดการจัดทาอ่างเก็บน้ำและระบบกระจายน้ำ ในลักษณะบ่อพลวง เพื่อเก็บกักน้ำในฤดูแล้ง และเป็นแก้มลิงในฤดูน้ำหลาก รวมทั้งเพื่อเตรียมการ รองรับน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ รวมถึงสำรวจแผนที่เส้นทางน้ำ เพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำในแต่ละลุ่มน้ำย่อยในระยะยาว และแก้ไขปัญหาผักตบชวากีดขวางทางน้ำ โดยเตรียมจัดทาโครงการจ้างงานเพื่อระดมกาลังในการจัดการผักตบชวา ออกจากแหล่งน้ำ รวมทั้งกำหนดแนวทางหรือมาตรการเพื่อไม่ให้ผักตบชวากลับมาขยายพันธุ์อีก ขณะที่ปัญหาที่ดิน ได้ดำเนินการจัดสรรที่ดินภายใต้กลไกคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เร่งรัดการจัดสรรที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563
ส่วนการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย และปัญหาขยะพลาสติก พบว่ามีความพยายามลดขยะพลาสติกด้วยการนำมาแปลงสภาพเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใช้งานประเภทอื่น หรือ Upcycle โดยนำพลาสติกไม่ใช้แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นจีวร ย่ามพระ และกระถางต้นไม้ ฯลฯ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี พิจารณารูปแบบทางเทคนิควิชาการที่จะนามาใช้ในศูนย์กาจัดขยะมูลฝอยเทศบาล เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี รวมทั้ง พิจารณาแนวทางการกำหนดกลุ่มพื้นที่ รวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยอื่นๆ ให้ครอบคลุมปริมาณขยะจังหวัดสุพรรณบุรี ส่งเสริมการจัดการขยะที่ต้นทางโดยความร่วมมือจากประชาชน สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ลด และคัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน
ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และการส่งเสริมภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการเชื่อมประสานการทำงานจนเป็นเครือข่าย ที่เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงาน ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับอำเภอ จนถึงระดับจังหวัด และเกิดความเข้าใจร่วมกันในแนวทาง บทบาท และการหนุนเสริม ระหว่างหน่วยงาน ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพทางสิ่งแวดล้อมให้ดีกว่าเดิม