กรุงเทพฯ 29 พ.ย. – บีโอไอ เผยยอดลงทุนด้านกิจการเทคโนโลยีชีวภาพและอุตสาหกรรมการแพทย์ ในช่วงปี 61- ก.ย.63 สูงกว่า 56,000 ล้านบาท
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ มุ่งสนับสนุนกิจการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพและอุตสาหกรรมการแพทย์ เพราะในประเทศไทยยังมีจำนวนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านนี้ไม่มากนัก และเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศรวมถึงรองรับการเป็นเมดิคัลฮับของประเทศไทยด้วย ซึ่งผลจากการส่งเสริมการลงทุนภาพรวมการลงทุนเกิดขึ้นอย่างน่าพอใจ จากข้อมูลตั้งแต่ปี 61 ถึง ก.ย.63 มีนักลงทุนยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการเทคโนโลยีชีวภาพและอุตสาหกรรมการแพทย์นับรวมทุกประเภทกิจการที่อยู่ภายใต้ 2 หมวดนี้ รวม 56,336 ล้านบาท แบ่งเป็น กิจการเทคโนโลยีชีวภาพ จำนวน 51 โครงการ เงินลงทุน 25,449 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 20 โครงการ อุตสาหกรรมการแพทย์ 129 โครงการ เงินลงทุนรวม 30,887 ล้านบาท
นางสาวดวงใจ กล่าวว่า จากสถิติที่ผ่านมาในอดีตจะพบว่า กิจการในกลุ่มการแพทย์ มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเฉลี่ยปีละ 30 กว่าโครงการ แต่มียอดพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 60 โครงการภายในระยะเวลา 9 เดือนของปี 63 นี้ ซึ่งเป็นผลพวงจากสถานการณ์โควิด-19 และต่อจากนี้ไปตัวเลขของอุตสาหกรรมการแพทย์น่าจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีกจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ของบีโอไอ
ล่าสุด สำนักงานบีโอไอ สื่อมวลชนเยี่ยมชมกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทยและสร้างฐานความรู้ให้แก่สังคมไทยคือ บริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท แนบโซลูท จำกัด ทั้งสองบริษัท ได้รับ การสนับสนุนจากศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ CU Innovation Hub บีโอไอในฐานะหน่วยงานให้ส่งเสริมการลงทุน ได้อนุมัติให้แก่ทั้งสองบริษัท โดยทั้งสองบริษัทเป็นของคนไทย จัดตั้งโดยคณาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บีโอไอมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุน ทั้งยังเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนไม่สูงนัก แต่ประโยชน์ที่เกิดกับประเทศนั้นมากมาย ทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ การสร้างบุคลากรให้แก่ประเทศ และผลงานที่ผลิตขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินค่าได้
สำหรับบริษัทใบยาฯ เป็นกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ ในการวิจัยและพัฒนาเพื่อการผลิตที่ใช้เซลล์พืช เงินลงทุน 3.94 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับจากโครงการนี้ และเป็นการผลิตเพื่อส่งออกกว่า 70% เป็นโครงการผลิตโปรตีนตัดแต่ง หรือ รีคอมบิแนนท์โปรตีน จากการใช้ใบยาสูบ เพื่อเป็นแหล่งผลิตโปรตีนแบบชั่วคราว ถือเป็น รายแรกในประเทศไทยที่ใช้ใบยาสูบเป็นเจ้าบ้าน หรือที่เรียกว่า Host และเพาะเลี้ยงโปรตีน ตัดแต่งที่มียีนเป้าหมาย จากนั้นจึงสกัดโปรตีนที่ได้ ออกจากใบของต้นยาสูบ และทำให้บริสุทธิ์ เพื่อจำหน่ายเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับอุตสาหกรรมยา และเครื่องสำอาง
ด้านบริษัท แนบโซลูท จำกัด กิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เงินลงทุน 3.46 ล้านบาท ให้บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทดสอบประสิทธิภาพชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ในการป้องกันเชื้อไวรัส โดยวิธีทดสอบการทะลุผ่านของเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถทำการทดสอบได้ทั้งในรูปแบบตัวอย่างผ้าของชุด PPE หรือทดสอบทั้งชุด PPE และบริการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสำอาง ยา สารสกัด และสารออกฤทธิ์ เป็นต้น โดยใช้เทคนิคเซลล์เพาะเลี้ยง . – สำนักข่าวไทย