สงขลา 12 พ.ย.- โรคหอยคันระบาดที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ชาวบ้านเผยทำนามานานกว่า 30 ปี เพิ่งพบเป็นครั้งแรก หมอแนะวิธีป้องกันคือชาวบ้านต้องเลี่ยงลงไปในน้ำ
ความคืบหน้าโรคหอยคันระบาดในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ทำให้ชาวบ้านที่ทำนาเป็นผืนคันและตุ่มขึ้นตามขาและแขนที่แช่ในน้ำขณะดำนาในพื้นที่ 7 ตำบล จำนวน 233 คน สาเหตุมาจากตัวอ่อนพยาธิใบไม้ในเลือดชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในตัวหอยคัน และแพร่กระจายอยู่ในน้ำในนาข้าว ไชเข้าไปสู่ผิวหนังและตาย ทำให้เกิดผื่นและอาการคัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถามชาวบ้านที่เคยเป็นโรคหอยคัน โดยเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 8 บ้านศาลาน้ำ ต.คลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ตำบล ของ อ.จะนะ ที่พบการแพร่ระบาดของโรคหอยคัน
นางอาภรณ์ แก้วกลับ อายุ 53 ปี เปิดเผยว่า ตนเองทำนามานานกว่า 30 ปีแล้ว และไม่เคยเกิดอาการแพ้ หรือเป็นผดผื่นคันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน โดยในปีนี้ได้เริ่มดำนาในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ครึ่ง และใช้เวลาดำนา 2 วัน และหลังจากดำนาราววันที่ 3-4 ก็ได้เริ่มเกิดเป็นผื่นขึ้นตามตัว และมีอาการคันแบบรุนแรง โดยเฉพาะที่แขนขวา ส่วนแขนซ้ายเล็กน้อย และที่ขาทั้งสองข้าง จนเกือบถึงหัวเข่า ซึ่งเป็นบริเวณที่โดนน้ำในนาข้าวทั้งหมด และทีแรกคิดว่าอาจจะเกิดจากน้ำเสีย
จากนั้นจึงเดินทางไปหาหมอใกล้บ้าน และได้ยามารักษาอาการ ทั้งยาฆ่าเชื้อ ยาแก้แพ้ และยาทาแก้อาการผดผื่นคัน กระทั่งผ่านไปราว 3 สัปดาห์ จึงหายกลับมาเป็นปกติ และแทบไม่เห็นร่องรอยของบาดแผลที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ บนแปลงนาบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีอยู่กว่า 15 ไร่ ก็ได้มีชาวนาเป็นโรคลักษณะเดียวกันนี้อีกเกือบ 20 คน อีกทั้งหลานสาววัย 8 ขวบ ที่ลงไปจับหอยจับปูในคูน้ำหน้าบ้านเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เกิดเป็นผื่นคันเช่นเดียวกันด้วย
ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ กล่าวว่า พื้นที่ทั้ง 7 ตำบลใน อ.จะนะ ที่เกิดการแพร่ระบาดของหอยคันประกอบด้วย 1.ตำบลขุนตัดหวาย 2.ตำบลคลองเปียะ 3.ตำบลคู 4.ตำบลแค 5.ตำบลจะโหนง 6.ตำบลน้ำขาว และ 7.ตำบลป่าชิง ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของโรคนี้ในตอนนี้ยังไม่มี แต่มีวิธีป้องกันตัวในเบื้องต้น เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนคือ ชาวนาจะต้องหาทางให้ร่างกายโดนน้ำ หรือสัมผัสกับน้ำในนาให้น้อยที่สุด เช่น สวมรองเท้าบูท ซึ่งค่อนข้างยากลำบาก และทุลักทุเล เมื่อต้องทำนา ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวนาต่อไป.-สำนักข่าวไทย