ทำเนียบรัฐบาล 10 พ.ย.-ที่ประชุมครม.รับทราบผลสำรวจวามคิดเห็นประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาล พอใจโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมากสุด ส่วนรปัญหาที่อยากให้แก้ไขคือปัญหาว่างงาน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลในปี 2563 ครบ 1 ปี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศจำนวน 6,970 คนระหว่างวันที่ 1-15 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนร้อยละ 78.6 ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ส่วนแหล่งที่ติดตามมากที่สุดคือจากโทรทัศน์ ร้อยละ 93.7 รองลงมาคือ อินเตอร์เน็ต เช่น เว็บไซด์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ร้อยละ 50.1
“ส่วนความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 33.4 ในระดับปานกลาง ร้อยละ 48 สำหรับนโยบายที่ประชาชนพึงพอใจมาก-มากที่สุด 5 อันดับแรกคือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแก้ไขปัญหาโควิด-19 โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน วิกฤติมีสิทธิ์ทุกที่(UCEP) และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ประชาชนมองว่าเป็นความเดือดร้อนในชุมชนและหมู่บ้านได้แก่ คนในชุมชนว่างงานหรือไม่มีอาชีพมั่นคง ร้อยละ 29.9 สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 18.7 สินค้าเกษตรราคาตกต่ำร้อยละ18 ภัยธรรมชาติร้อยละ 16.7 และปัญหายาเสพติดร้อยละ 7.3 ส่วนเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเรียงลำดับดังนี้ ปัญหาการว่างงานร้อยละ 41.2 ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพงร้อยละ 20.4 ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำร้อยละ 19.1 จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตรร้อยละ 11.5 และจัดสวัสดิการของรัฐให้เพียงพอและครอบคลุมทุกพื้นที่ร้อยละ 8.5
“ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล พบว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 29.8 เชื่อมั่นปานกลางร้อยละ 48.7 และเชื่อมั่นน้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 18.4 ไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 3.1 อย่างไรก็ตามสำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังนี้คือ ควรให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนตกงานหรือว่างงาน เช่น การจ้างงานชั่วคราว การหาตลาดรองรับสินค้าของชุมชน การจัดอบรมวิชาชีพ และควรให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ เช่นการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และการลดค่าสาธารณูปโภค รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการประกอบอาชีพ เช่น แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ การพยุงราคาสินค้าเกษตร และการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรสมัยใหม่” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย