โตเกียว 16 ต.ค.- นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะของญี่ปุ่นจะกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงเมื่อเยือนเวียดนามและอินโดนีเซียในสัปดาห์หน้าขณะที่กังวลเรื่องจีนแสดงบทบาทในภูมิภาคมากขึ้น แต่คาดว่าจะไม่ใช้ถ้อยคำต่อต้านจีนอย่างรุนแรงเหมือนพันธมิตรอย่างสหรัฐ
นายซูงะ วัย 71 ปี จะเยือนต่างประเทศครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อกลางเดือนกันยายน การเยือนเวียดนามและอินโดนีเซียเป็นสองประเทศแรกเป็นการเดินตามนโยบายทางการทูตของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะที่เขาเป็นมือขวาในฐานะหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมาตั้งปลายปี 2555 นายคัตสึโนบุ คาโต หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศวันนี้ว่า นายซูงะจะเยือนเวียดนามในฐานะประธานวาระปัจจุบันของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และอินโดนีเซีย ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนเป็นเวลา 4 วันเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้
ที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีซูงะกล่าวว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้ความสนใจต่อสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ นักวิเคราะห์มองว่า ญี่ปุ่นจะใช้แนวทางหนักแน่นและนิ่ง เดินหน้าผลประโยชน์โดยไม่ขอให้ประเทศในอาเซียนต่อต้านจีนอย่างเปิดเผย การกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงจะเป็นประเด็นสำคัญในการเยือนเวียดนาม หลังจากกองเรือญี่ปุ่น 3 ลำแวะเทียบท่าฐานทัพเรือกามซัญ ทางตอนใต้ของเวียดนามเมื่อสัปดาห์ก่อน
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า ญี่ปุ่นเตรียมลงนามข้อตกลงกับเวียดนามเรื่องส่งออกอุปกรณ์และเทคโนโลยีกลาโหมให้แก่เวียดนาม คาดว่าจะประกาศขยายการอุดหนุนการผลิตในอาเซียนด้วย ตามนโยบายกระจายห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาจีนด้วยการนำการผลิตกลับประเทศหรือย้ายไปยังอาเซียน รอยเตอร์ระบุว่า เวียดนามเป็นตัวเลือกยอดนิยมของธุรกิจญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินโครงการกระจายห่วงโซ่อุปทานในอาเซียนมูลค่า 23,500 ล้านเยน (ราว 6,972 ล้านบาท) มีบริษัทเข้าร่วม 30 แห่ง ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเลือกเวียดนาม ส่วนอินโดนีเซียถูกบริษัทญี่ปุ่นติงเรื่องระเบียบต่าง ๆ หลายครั้งมีความไม่แน่นอน.- สำนักข่าวไทย