.. บทความพิเศษ (4)…โดย ไพรินทร์ ชูโชติถาวร
ในการประชุมครั้งหนึ่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เหตุการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่พวกเราทั้งหลายได้ร่วมใจต่อสู้กันมาด้วยดี จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจนเป็นที่ประจักษ์แล้วนั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการดูหนังผีที่พอดูไปมาก ๆ แล้วก็เกิดอินกับเนื้อเรื่องมาก จนกลายเป็นคนกลัวผีหรือเชื่อว่าผีมีจริง…
ทำไมข้าราชการผู้นั้นจึงพูดเช่นนั้น…
ถ้าจะย้อนเหตุการณ์กลับไปดูเหตุการณ์ช่วงปลายเดือนมีนาคม เมื่อการระบาดของเชื้อไวรัสกำลังเข้าสู่พีค และมีการระบาดติดเชื้อในประเทศกันวันละเกินร้อย จนดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเอาไม่อยู่แล้ว รัฐบาลจึงต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อจัดการกับการระบาดอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เกินกว่าความสามารถของระบบสาธารณสุขที่มีอยู่จะรองรับไว้ได้ ซึ่งตอนนั้นเรียกว่า Flattened the curve…
แต่แล้วด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมของระบบสาธารณสุขไทย และอาจจะเพราะพระบารมีของพระสยามเทวาธิราช ฯลฯ เราสามารถกำหราบเชื้อไวรัสได้อย่างราบคาบ จนไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศอีกเลยตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม จากนั้นมาจึงเป็นช่วงของการเฝ้าระวังไม่ให้มีการติดเชื้อซ้ำหรือการระบาดรอบสอง ที่เรามักใช้คำว่าไม่ให้การ์ดตก เป้าหมายจึงเริ่มแปรเปลี่ยนจาก Flattered the curve ไปเป็น Zero infection….
พอพูดคำว่า “ไม่ให้การ์ดตก” ซ้ำ ๆ กันทุกวันกันมาเป็นเวลาหลายเดือน คนไทยหลายคนจึงเริ่มเชื่อกันว่าการที่จะรักษาไม่ให้มีการระบาดติดเชื้อภายในประเทศไทยเลยตลอดไปเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรักษาไว้เหนือสิ่งอื่นใด อันดูได้จากเหตุการณ์กรณีทหารอียิปต์ที่ระยอง และเหตุการณ์กรณีทหารอเมริกันใน กทม… นี่กระมังที่เป็นที่มาของอุปมาที่ว่า “เหมือนดูหนังผีจนเชื่อเรื่องผี” ที่กล่าวถึงข้างต้น…
ในทางพุทธ ผีที่เรามักกลัวกันนั้น เกิดจากความไม่รู้ อุปทาน หรืออวิชชา เป็นสิ่งที่เราปรุงแต่งกันขึ้นเอง ซึ่งจะทำลายได้ก็ต้องใช้สติ และความรู้เท่าทัน คือ วิชชา เท่านั้น….
ลองมาคิดกันดูอย่างมีสติว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปได้หรือไม่ ที่ประเทศไทยจะป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศให้เป็นศูนย์อยู่ตลอดไป ?
เราคงจะต้องเริ่มต้นคิดกันก่อนว่า รอบ ๆ ประเทศเราทุกวันนี้ มีผู้ป่วยติดโรคนี้แล้วกว่า 15 ล้านคนและติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ประเทศข้าง ๆ เราก็เริ่มมีการระบาดซ้ำรอบใหม่ ๆ วัคซีนก็ยังมาไม่ถึง ประเทศก็ต้องค่อย ๆ เปิดเพื่อให้เศรษฐกิจเริ่มขับเคลื่อน มิเช่นนั้นคนระดับล่างส่วนหนึ่งอาจจะต้องอดตายหรือเกิดความไม่สงบในสังคม ขณะที่ในหมู่ประชากรไทยยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่เลย ฯลฯ
ถึงเวลาแล้วที่อาจจะต้องกลับมาคิดกันใหม่อีกครั้ง ด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ โดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จที่ผ่านมา ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในการเดินต่อไปข้างหน้า เป็นไปได้หรือไม่ที่เราอาจจะเริ่มค่อย ๆ เริ่มผ่อนปรน ยอมให้มีการระบาดของเชื้อบ้างในประเทศ ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ เพื่อให้แพทย์ได้มีโอกาสฝึกฝนเรียนรู้พัฒนาการต่าง ๆ หรือจะเริ่มจากการให้ความรู้กับประชาชนถึงวิถีชีวิตแนวใหม่ที่สามารถจะอยู่ร่วมกับโรคได้ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงและความท้าทายที่กำลังจะมาถึง ฯลฯ…
แล้ววันนั้น หนังผีก็จะเป็นเพียงหนังผี ไม่ใช่ผี ที่คอยมาหลอกหลอนเราอีกต่อไป….
บทความพิเศษ โดย “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” ประธาน คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบศ. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ……………..