ทำเนียบรัฐบาล 30 ก.ย.-“อนุชา” เสียดายฝ่ายค้านไม่ร่วมนั่งกมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรธน. ไม่รู้นายกฯ ส่งสัญญาณพรรคร่วมรัฐบาลเปิดทางตั้ง ส.ส.ร. เชื่อ 30 วันทุกอย่างชัดเจน
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้(29 ก.ย.) โดยให้พรรคร่วมรัฐบาลรับญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ญัตติที่มีหลักการเดียวกัน คือให้แก้ไขมาตรา 256 เปิดทางให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ว่า ยังไม่มีการรายงานมาว่าหารือประเด็นใด ขณะนี้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาตั้งขึ้น
“เชื่อว่าในกรอบเวลา 30 วันจะมีความชัดเจนขึ้น และเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประเทศเดินไปในทิศทางที่คาดหวังไว้ ทุกอย่างต้องพูดคุยกัน รู้สึกเสียดายที่ฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วมในกรรมาธิการ ซึ่งถือเป็นเวทีที่จะได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ เชื่อว่ากรรมาธิการคงไม่ปิดกั้น หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะข้อคิดเห็นต่าง ๆ เข้ามา” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
ส่วนข้อกังวลว่าผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ จะไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะไม่มีฝ่ายค้านเข้าร่วม จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า สื่อมวลชนอย่าเพิ่งคาดการณ์ไปเอง เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลก่อนว่าจะไปสู่จุดไหน การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร เป็นธรรมดาที่ในระบอบประชาธิปไตยจะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและเห็นต่าง แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นไปตามเสียงของคนส่วนใหญ่ ต้องพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปให้ลงตัวและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ไม่ใช่เอาชนะกันจนลืมไปว่าประเทศเป็นของคนทุกคน ไม่ใช่ของเสียงใดเสียงหนึ่งจะมีอำนาจ
นายอนุชา กล่าวฝากไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจไม่ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการฯ ว่า ทุกอย่างต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามความเห็นของคนกลุ่มเดียว ยังมีอีกหลายกลุ่มทั้งคนที่แสดงออกและไม่แสดงออก ต้องดูว่าจะทำอย่างไรที่จะหาจุดร่วม เพื่อให้สังคมอยู่รอดปลอดภัยและเดินไปข้างหน้าได้
เมื่อถามว่า จะมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเสนอไปหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ต้องไปดูในชั้นกรรมาธิการฯ ขณะนี้ยังไม่ควรแสดงความเห็นหรือชี้นำ คิดว่านายกรัฐมนตรี มีเจตนาและหวังดีอยากให้บ้านเมืองเดินไปได้
ส่วนที่ภายในพรรคพลังประชารัฐมีความเห็นต่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองที่มีความเห็นต่างเป็นธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย จึงต้องพูดคุยกัน ซึ่งตนและพรรคพลังประชารัฐ มีความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะร่วมมือกันนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง.-สำนักข่าวไทย